สินค้าดิจิทัล คือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่สามารถขายได้ซ้ำๆ มาเรียนรู้เกี่ยวกับ Digital Products สินค้ายอดนิยมที่คุณเองก็เริ่มต้นขายได้
ปัจจุบันนี้สินค้าดิจิทัลต่างก็มีศักยภาพในตลาด ไม่ว่าจะเป็น eBooks, คอร์สออนไลน์, เพลง, เทมเพลตที่ปรับแต่งได้ และรายการสินค้าดิจิทัลแบบอื่น ๆ เพราะสินค้าอยู่ในรูปแบบที่ขายและแจกจ่ายออนไลน์ได้ง่าย และสามารถเสริมสินค้าและบริการที่เป็นทางกายภาพได้
การเรียนรู้วิธีขายสินค้าดิจิทัลสามารถสร้างรายได้แบบพาสซีฟ เนื่องจากการผลิตเพียงครั้งเดียวก็ขายซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่ต้องเติมสต็อก เหมาะสำหรับครีเอทีฟ บล็อกเกอร์ นักศึกษา และฟรีแลนเซอร์ ที่มองหาวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำเงินออนไลน์
หากสิ่งนี้ตอบโจทย์คุณ นี่คือวิธีการสร้าง ทำการตลาด และขายสินค้าดิจิทัลออนไลน์ รวมถึงตัวอย่างของสินค้าดิจิทัลชั้นนำ
สินค้าดิจิทัลคืออะไร?
ผลิตภัณฑ์ดิจิทัล คือสินค้าที่มีอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งรวมถึง eBooks, เพลง, ศิลปะดิจิทัล, ซอฟต์แวร์, คอร์สออนไลน์ และสินค้าดิจิทัลที่ขายในเกมวิดีโอ โดยทั่วไปแล้วจะส่งมอบให้กับลูกค้าผ่านการดาวน์โหลดหรืออีเมล และเสนอวิธีให้ธุรกิจให้คุณค่าโดยไม่ต้องมีสินค้าคงคลังทางกายภาพ
ทำไมต้องขายสินค้าดิจิทัล?
มีข้อดีหลายอย่างในการขายสินค้าดิจิทัล เมื่อเทียบกับสินค้าทางกายภาพ ดังนี้
- ต้นทุนต่ำ ด้วยสินค้าดิจิทัล คุณไม่จำเป็นต้องถือสินค้าคงคลังหรือจ่ายค่าจัดส่ง
- กำไรสูง สินค้าดิจิทัลมีค่าใช้จ่ายซ้ำเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงสามารถรักษารายได้จากการขายได้มากขึ้น แต่ก็อย่าลืมคำนวณอัตรากำไรของคุณ ก่อนที่จะลงรายการผลิตภัณฑ์สำหรับขาย
- ทำงานอัตโนมัติ เมื่อมีการสั่งซื้อก็สามารถส่งมอบของได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการควบคุมดูแล
- สินค้ามีความยืดหยุ่น มีหลายตัวเลือกในการรวมสินค้าดิจิทัลเข้ากับธุรกิจ เช่น เสนอสินรค้าดิจิตอลฟรีเพื่อสร้างรายชื่ออีเมล การสมัครสมาชิกแบบชำระเงินเพื่อเข้าถึงคอนเทนท์พิเศษ หรือใบอนุญาตในการใช้สินค้าดิจิทัล
- การเรียนรู้ออนไลน์กำลังเป็นที่นิยม นักการศึกษาออนไลน์สามารถใช้สินค้าดิจิทัลเพื่อขยายธุรกิจ โดยธุรกิจการเรียนรู้ออนไลน์คาดว่าจะมีมูลค่า 840 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030
อย่างไรก็ตาม นอกจากประโยชน์แล้ว สินค้าดิจิทัลยังมาพร้อมกับความท้าทายเฉพาะที่ต้องระวัง
เนื่องจากผู้บริโภคมักจะมีทางเลือกฟรี ซึ่งจำเป็นต้องคิดอย่างละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยสิ่งที่ช่วยได้มากคือคำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่เขียนได้ดี เพราะจะแสดงให้เห็นถึงคุณค่าสินค้าที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับของฟรี
สินค้าดิจิทัลยังสามารถถูกละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่ายกว่าสินค้าทางกายภาพ ดังนั้นอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือและฟีเจอร์ความปลอดภัยเพื่อปกป้องสินค้าของคุณ
ขายสินค้าดิจิตัลได้ที่ไหน
สินค้าดิจิตัลสามารถขายได้ในหลายช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและเปิดเผยผู้คนมากขึ้นให้กับแบรนด์
- เริ่มด้วยร้านค้าออนไลน์ แสดงรายการสินค้าดิจิทัล โปรโมตแบรนด์ และเผยแพร่คอนเท้นท์ที่ดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย
- โปรโมตสินค้าดิจิทัลบนโซเชียลมีเดียและตั้งค่าหน้าร้านโซเชียล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินได้ทันทีขณะที่พวกเขาอยู่บนหน้าฟีด
- สร้างโปรไฟล์บนตลาดสินค้าดิจิทัลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเข้าถึงผู้ชมที่มีอยู่แล้ว
ในบางตลาดสามารถเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 50% สำหรับการขายแต่ละครั้ง หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมผู้ขายโดยการสร้างร้านออนไลน์ของคุณเอง
10 สินค้าดิจิทัลที่ดีที่สุดในการขายออนไลน์
- คอร์สออนไลน์
- eBooks
- สินค้าดิจิทัลที่พิมพ์ได้
- เทมเพลตและเครื่องมือดิจิทัล
- คอนเท้นท์ดิจิทัลที่มีลิขสิทธิ์
- ช่องคอนเท้นท์พรีเมียม
- การถ่ายภาพสินค้า
- เพลง ศิลปะ และความบันเทิง
- บริการดิจิทัล
- การเป็นสมาชิกดิจิทัล
1. คอร์สออนไลน์
คอร์สออนไลน์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการนำเสนอเนื้อหาเชิงลึกในรูปแบบดิจิทัลที่ทำเงินได้ คุณสามารถสร้างการนำเสนอ บันทึกวิดีโอการเดินผ่าน หรือพัฒนาคอร์สที่มีเสียงของผู้เชี่ยวชาญหลายๆ หัวข้อ
เมื่อสร้างแล้ว คอร์สของคุณสามารถสอนนักเรียนหลายพัน (หรือหลายแสน) คน คุณเพียงแค่ต้องอัปเดตเมื่อคอนเท้นท์เก่า และเมื่อได้ไอเดียสำหรับคอร์สของคุณแล้ว เริ่มต้นด้วยการนึกถึงลัพธ์ของผู้เรียน คุณต้องการให้นักเรียนของคุณรู้หรือสามารถทำอะไรเมื่อพวกเขาเรียนจบคอร์ส?
คอร์สออนไลน์สามารถรวมแบบทดสอบ ความรู้ และกิจกรรมเชิงโต้ตอบอื่น ๆ เพื่อลดเนื้อหาการเรียนรู้ทางเดียวและเพิ่มการมีส่วนร่วม
💡 เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างคอร์สออนไลน์
2. Ebooks
หากคุณนำเสนอแหล่งความรู้สำหรับคอร์สออนไลน์ ก็สามารถระบุความรู้และความเชี่ยวชาญของคุณเป็น eBook ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น How to Cake It ขายตำราอาหารดิจิทัล ควบคู่ไปกับคอร์ส เพื่อการเลื่อนดูและบุ๊กมาร์กที่ง่ายขึ้นในขณะทำอาหาร
Ebooks เป็นรูปแบบดิจิทัลที่คุ้นเคยในกลุ่มผู้ชมและสามารถเข้าถึงได้ผ่าน E-reader คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์มือถือ แม้ว่าคุณจะสามารถเขียน ebook เกี่ยวกับอะไรก็ได้ แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มเขียนหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง ก็ควรวิจัยความพร้อมของเนื้อหาฟรีในหัวข้อนั้น ๆ
หากมีบล็อกโพสต์หรือวิดีโอ YouTube ที่ณสามารถเข้าถึงได้ฟรี คุณจะต้องแยกคอนเทนท์ของคุณด้วยจุดขาย (USP)
เช่น จุดขาย eBook ของคุณอาจใช้ในเชิงความน่าเชื่อถือ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญหรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มเป้าหมาย หรือหนังสือของคุณอาจระบุว่าจะเจาะลึกกว่าคอนเทนต์ฟรีออนไลน์ที่มีอยู่ หรือเลือกวางตำแหน่งหนังสือของคุณเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้อ่านที่คาดหวังความก้าวหน้าในสายงานนั้นๆ
นอกจากนี้ ก็อย่าลืมว่าราคา eBook ส่วนใหญ่มีอัตราการแข่งขันสูง ซึ่งนั่นหมายถึง คุณอาจต้องขายในราคาถูกและคู฿่แข่งก็อาจจะมีที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีด้วย
3. สินค้าดิจิทัลที่พิมพ์ได้
หมวดหมู่ของสินค้าดิจิทัลนี้ครอบคลุมความเป็นไปได้ในการพิมพ์ ตั้งแต่งานศิลปะบนผนังที่ปรับแต่งได้, แพลนเนอร์, และการ์ดอวยพร ไปจนถึงโมเดลเฉพาะสำหรับเครื่องพิมพ์ 3 มิติหรือกิจกรรมงานฝีมือ ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดและปริ้นต์ เพื่อใช้ส่วนตัว หรือเป็นส่วนหนึ่งของงานฝีมือ
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อย หน้าสีและแผ่นงานที่พิมพ์ได้เป็นการผสมผสานระหว่างความสนุกและการเรียนรู้ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ดาวน์โหลดดิจิทัล Caravan ขายโปสเตอร์สีเป็นไฟล์ที่ดาวน์โหลดได้ หรือปริ้นต์และจัดส่งให้ถึงบ้าน
4. เทมเพลตและเครื่องมือดิจิทัล
สินค้าดิจิทัลยังมาในรูปแบบของเครื่องมือที่ช่วยให้มืออาชีพทำงานได้เร็วหรือมีเก่งขึ้น คุณสามารถขายโซลูชันดิจิทัล เช่น การตัดต่อวิดีโอ เครื่องมือสามารถเป็นแอปที่ใช้งานเดี่ยว หรือรายการที่รวมกับซอฟต์แวร์อื่นๆ ตัวอย่างเช่น RetroSupply Co ขายแปรง เทกซ์เจอร์ และเทมเพลตสำหรับนักออกแบบที่ใช้ในโปรแกรมยอดนิยม เช่น Procreate และ Photoshop (สังเกตได้ว่าพวกเขาก็ยังขายคอร์สออนไลน์และ eBooks ด้วย)
ผลิตภัณฑ์เครื่องมือและเทมเพลตดิจิทัลอื่น ๆ ที่ขายออนไลน์ ได้รวมถึง
- เทมเพลตกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการ
- เทมเพลตประวัติย่อสำหรับผู้หางาน
- แอปมือถือสำหรับธุรกิจ
- เทมเพลตออกแบบกราฟิกสำหรับโบรชัวร์ แผ่นพับ โปสเตอร์ ฯลฯ
- ฟิลเตอร์และปลั๊กอิน Adobe Photoshop สำหรับผู้แก้ไขสื่อ
- ไอคอน แบบอักษร หรือ UX Kits สำหรับนักออกแบบเว็บ
5. เนื้อหาดิจิทัลที่มีลิขสิทธิ์
จากภาพถ่ายสต็อกถึงฟุตเทจวิดีโอ เพลง และเอฟเฟกต์เสียง มีระบบนิเวศระดับโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลิขสิทธิ์ที่อัปโหลดโดยครีเอทีฟเพื่อให้ครีเอทีฟคนอื่น ๆ ใช้ในงานของพวกเขา
การให้สิทธิ์การใช้งานเนื้อหาของคุณให้บุคคลและธุรกิจใช้เป็นวิธีหนึ่งในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟจากการสร้างสรรค์ของคุณ ลงทุนแรงงานของคุณในการสร้างการเปลี่ยนวิดีโอคุณภาพสูงหรือเพลงพื้นหลัง จากนั้นรับรายได้จากการใช้งานของพวกมันตราบใดที่พวกมันยังคงเป็นที่นิยม
คุณสามารถขายใบอนุญาตจากร้านค้าของคุณเอง เช่นเดียวกับที่ EditStock ขายใบอนุญาตให้นักเรียน หรือคุณสามารถขายผ่านตลาดออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ภาพถ่ายสต็อก
เมื่อได้ไอเดียสินค้าแล้ว ให้นึกถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ริ่มต้นด้วยการคิดว่าคอนเทนท์ประเภทใดที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ และคอนเท้นท์ในตลาดตอนนี้ยังให้ไม่ได้
อย่าลืมปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของสินค้าดิจิทัลด้วยลายน้ำ และมาตรการรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณขายภาพถ่ายออนไลน์
6. ช่องเนื้อหาพรีเมียม
หากคุณประสบความสำเร็จในการขายคอร์สออนไลน์ eBook หรือจากการให้สิทธิ์การเข้าถึงและใช้งานคอนเท้นท์ วิธีหนึ่งในการพัฒนาข้อเสนอของคุณ คือการรวมงานที่สร้างสรรค์เหล่านี้เข้าด้วยกัน คุณสามารถให้การเข้าถึงเต็มรูปแบบบนแคตตาล็อกสินค้าดิจิทัลทั้งหมดสำหรับการสมัครสมาชิกแบบรายเดือนหรือรายปี หรือค่าธรรมเนียมครั้งเดียว
ตัวอย่างเช่น Snowboard Addiction เป็นจุดหมายปลายทางที่ทำเงินได้สำหรับทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเล่นสโนว์บอร์ด ลูกค้าสามารถซื้ออุปกรณ์สโนว์บอร์ดทางกายภาพ รวมถึงดาวน์โหลดคู่มือและลงทะเบียนสำหรับคอร์สออนไลน์สด
ข้อดีอย่างหนึ่งของโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก คือสิ่งนี้สร้างคอมมูนิตี้ที่มีแรงจูงใจและมีส่วนร่วม และสมาชิกของคุณได้สิทธิ์เอ็กซ์คลูซีฟเพื่อเข้าถึงคอนเท้นท์ที่คุณสร้างขึ้น นอกากนี้พวกเขาอาจเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีในการปรึกษาสำหรับการทำคอนเท้นท์ครั้งต่อไปของคุณ
เนื่องจากช่องของคุณจะเข้าถึงได้เฉพาะสมาชิกที่ชำระเงิน คุณอาจพิจารณาโฮสต์เนื้อหาพิเศษ เช่น การถ่ายทอดสดและเซสชัน Ask Me Anything (AMA)
คุณสามารถขาย Subscription สินค้าดิจิตัลด้วย Shopify โดยใช้แอปการเรียกเก็บเงินแบบสมัครสมาชิก
7. การถ่ายภาพสินค้า
หากคุณเป็นช่างภาพ การขายบริการบนช่องทางออนไลน์สามารถเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ ต้องขอบคุณการเติบโตของอีคอมเมิร์ซที่ทำให้ภาพถ่ายสินค้ามืออาชีพมีความต้องการสูงขึ้น
ช่างภาพสินค้าที่ดีที่สุดสามารถระบุคุณสมบัติของสินค้าที่ผู้ซื้อสนใจมากที่สุด และใช้ภาพถ่ายเน้นจุดเด่นเหล่านั้น เคล็ดลับอื่น ๆ ได้แก่ การถ่ายรูปให้มีคุณภาพสูง รวมถึงการลงทุนในขาตั้งกล้องที่ดี และการเรียนรู้วิธีจัดแสงอย่างเหมาะสม
เช่นเดียวกับสินค้าดิจิทัลอื่น ๆ คุณสามารถขายภาพถ่ายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของคุณเอง ผ่านเอเจนซี่ ผ่านตลาดออนไลน์ หรือทั้งสามทาง (เว้นแต่คุณจะเซ็นสัญญาพิเศษ) และคุณยังสามารถเสนอแพ็คเกจต่างๆ ตามจำนวนภาพถ่าย ประเภทสินค้า สไตล์ รวมถึงการปรับแต่งหรือตั้งค่าแบบเฉพาะได้
8. เพลง ศิลปะ และความบันเทิง
ไอเดียสินค้าดิจิทัลไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงการใช้งานเท่านั้น เพราะหากคุณเป็นนักดนตรี ศิลปิน หรือคอนเท้นท์ครีเอเตอร์ ก็มีโอกาสที่คุณจะทำเงินออนไลน์จากความสามารถได้เช่นกัน
- แพลตฟอร์มการระดมทุนเช่น Patreon อนุญาตให้แฟน ๆ สนับสนุนผู้สร้างเพื่อแลกกับคอนเท้นท์พิเศษ
- สำหรับศิลปิน แกลเลอรีออนไลน์ เช่น Saatchi Art เป็นสถานที่ที่ดีในการหาผู้ซื้องานศิลป์
- เพื่อสร้างฐานผู้ติดตาม อัปโหลดหรือสตรีมเนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย เพื่อแลกกับส่วนแบ่งรายได้จากโฆษณา ข้อตกลงการสนับสนุนและค่าทิป
นอกเหนือจากเนื้อหาทางศิลปะและบันเทิง ยังมีโลกของสินค้า และสินค้าดิจิทัลที่มีแบรนด์ หากคนฟังชอบพอดแคสต์หรืออัลบั้มจากศิลปินเฉพาะเจาะจง พวกเขาก็อาจจะสนใจในสินค้าที่มีการออกแบบที่อ้างอิงถึงศิลปะนั้น
คุณสามารถใช้บริษัทรับพิมพ์ตามความต้องการ เพื่อสร้างสินค้าที่มีแบรนด์และขายบนร้านค้า Shopify โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าผลิตจนกว่าคุณจะขายได้
บ่อยครั้งที่การขายสินค้าดิจิตัลรูปแบบนี้เวิร์กสุดกับตลาดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น Materia Store ที่ขายโน้ตเพลงดิจิทัลสำหรับเพลงประกอบเกมวิดีโอยอดนิยม
9. บริการดิจิทัล
บริการอะไรบ้างที่จะขายแบบดิจิตอลได้? นักออกแบบสามารถเสนอบริการสร้างโลโก้ ควบคู่ไปกับเทมเพลตที่ดาวน์โหลดได้ หรือ Personal Trainer ก็อาจเสนอเซสชันการฝึกส่วนบุคคลสด รวมถึงขายแผนการออกกำลังกายให้กับสมาชิกได้เช่นกัน คุณสามารถวางตำแหน่งบริการ ทั้งดิจิทัลหรือในชีวิตจริง เป็นส่วนเสริมให้กับสินค้าได้
ตัวอย่างเช่น คุณอาจขายการปรึกษา พร้อมกับรายงานที่ปรับแต่งหรือสเปรดชีต Excel หรือคุณอาจเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดาวน์โหลดได้ฟรี เพื่อสร้างโอกาสในการขายสำหรับการสร้างลิสต์ Email Marketing ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจออนไลน์หลายแห่งใช้
หากมีงานที่คุณทำเป็นประจำในฐานะส่วนหนึ่งของธุรกิจบริการของคุณ คุณสามารถพิจารณาแยกและทำให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างแหล่งรายได้เพิ่มเติม
10. การเป็นสมาชิกดิจิทัล
การเป็นสมาชิกดิจิทัลเป็นตั๋วเข้าสู่คอมมูนิตี้พิเศษที่มุ่งเน้นแบรนด์หรือคอนเท้นท์ การเข้าร่วมคลับดิจิทัลอาจให้สิทธิ์สมาชิกในการเข้าถึงคอนเท้นท์พรีเมียม โอกาสในการซื้อสินค้ารุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น หรือบัตรเข้าชมกิจกรรม
คลับสมาชิกดิจิทัลอื่นๆ ให้สิทธิ์ในการเข้าถึงประโยชน์ของการเชื่อมต่อ Nomad List ตัวอย่างเช่น เป็นเครือข่ายระดับโลกสำหรับนักเดินทางดิจิทัล เสนอการเป็นสมาชิกที่เชื่อมต่อผู้ใช้กับนักเดินทางคนอื่น ๆ รวมถึงให้ข้อมูลเมืองและฟีเจอร์วางแผนการเดินทาง
ตามที่แสดงในโครงการที่ใช้Token Gating อย่างไรก็ตามชุมชนดิจิทัลไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นรอบ ๆ สิ่งของหรือบริการที่จับต้องได้ การเป็นสมาชิกในกลุ่มที่เปิดกว้างสามารถมีค่าในตัวมันเอง โครงการดิจิทัล เช่น Bored Ape Yacht Club ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อให้หลักฐานการเป็นสมาชิกและให้สิทธิ์ในการเข้าถึงพิเศษโดยไม่ต้องมีเหตุผลกลาง เมื่อสร้างประสบการณ์การเป็นสมาชิกดิจิทัลแล้ว คุณก็สามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างความรู้สึกของการเป็นคนพิเศษ เป้าหมายคือการให้คุณค่าต่อเนื่องกับสมาชิก และทำให้ลูกค้ารู้สึกระดับปกติว่าพลาดโอกาส
วิธีสร้างและขายสินค้าดิจิทัล
1. ค้นหาหรือสร้างสินค้าดิจิตัล
ค้นหาสินค้าดิจิทัลที่จะขาย คุณสามารถสร้างสินค้าดิจิตัลหรือเป็นพันธมิตรกับผู้สร้างที่มีอยู่แล้ว สินค้า Digital ยอดนิยมรวมถึง
- เนื้อหาความบันเทิง
- เพลง
- แบบอักษร
- สินทรัพย์การออกแบบ
- พรีเซ็ต Photoshop
- เทมเพลต
- ซอฟต์แวร์และปลั๊กอิน
- คอร์สเรียนรู้ออนไลน์
- บริการออนไลน์อื่น ๆ
ไอเดียสินค้า
กุญแจการหาไอเดียสำหรับสินค้าดิจิทัลคือการหลีกเลี่ยงการคิดมาก และหากคุณกำลังมองหาไอเดียสินค้าออนไลน์ที่ดาวน์โหลดได้ นี่คือคำถามที่จะพาคุณไปสู่คำตอบที่ถูกต้อง
- คุณสอนลูกค้าให้ใช้สินค้าได้หรือไม่? ตัวอย่างเช่น หากคุณขายผลิตภัณฑ์ถักนิตติ้ง คุณสามารถขายคอร์สสอนเทคนิคการถักขั้นสูง
- คุณเสิร์ฟความต้องการโดยรวมของลูกค้าได้หรือไม่? ถ้าหากคุณขายกระดานโต้คลื่น คุณสามารถสร้างโปรแกรมการออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้ลูกค้ารักษารูปร่างสำหรับการโต้คลื่นได้ เป็นต้น
- คุณสร้างธุรกิจบนค่านิยมอะไร และมีหัวข้อไหนที่เกี่ยวข้องบ้าง? ตัวอย่างเช่น หากขายเสื้อผ้ารักษ์โลก ก็สามารถสร้างคอร์สสอนลูกค้าให้ใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น
- คุณจะนำคนในคอมมูนิตี้มารวมกันได้อย่างไร? หากคุณขายอุปกรณ์ครัว คุณสามารถจัดกิจกรรมแนะนำการชิมไวน์ออนไลน์ได้
- คุณเก่งในเรื่องอะไร? หากคุณเก่งในการถ่ายภาพสินค้าก็สามารถสอนคนอื่นให้ถ่ายภาพสินค้าได้ดีขึ้นเช่นกัน
💡 เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นหากลุ่มเป้าหมายกับ 8 ตัวอย่างตลาด Niche
2. การตรวจสอบไอเดียสินค้า
ตรวจสอบไอเดียก่อนที่จะทุ่มเทเวลาให้กับมันมากเกินไป เพราะการลงทุนเวลาและเงินในโครงการใหม่ๆ โดยไม่รู้ว่ามีโอกาสสำเร็จที่ดีหรือไม่ คือสิ่งที่คุณไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
นี่คือข้อควรรู้ในการตรวจสอบไอเดียวิธีขายสินค้าดิจิทัล
- การวิจัยคำค้นหา ใช้เครื่องมือวิจัยคำค้นหา เพื่อดูว่ามีคนค้นหาหัวข้อนั้นๆ มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดโอกาสของแต่ละหัวข้อ
- Google Trends ค้นหาหัวข้อใน Google Trends มองหาหัวข้อที่กำลังได้รับความสนใจ
- กลุ่ม Facebook มีกลุ่ม Facebook เกี่ยวกับทุกกลุ่มเป้าหมาย ทำให้คอมมูนิตี้เหล่านี้เป็นโอกาสของคุณ เรียนรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณสนใจอะไร
- ฟอรั่มในวงการ เช่นเดียวกันกับเฟสบุ๊ก ฟอรั่มงานอดิเรกและคอมมูิตี้ที่เกี่ยวข้องก็สามารถช่วยให้คุณเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่คนต้องการได้
- รีวิวสินค้า อ่านทั้งรีวิวสินค้าของคุณและคู่แข่งเพื่อหาไอเดีย ซึ่งอาจมาจากรีวิวบนหน้าสินค้า หรือรีวิวแยกต่างหากบนบล็อกและเว็บไซต์อื่น ๆ
- ค่อยๆ เริ่มและปรับปรุงไปพร้อมๆ กัน บางครั้งวิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจสอบไอเดียคือการทดลองทำเวอร์ชันเล็ก ๆ ให้ไอเดียมีพื้นที่เติบโต เป้าหมายคือการนำไอเดียออกสู่โลกโดยเร็วที่สุด เพื่อให้คุณสามารถทดสอบและปรับปรุงไอเดียนั้นๆ ให้ดีขึ้น
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในธุรกิจใด คุณมีจุดขายและความรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีค่าสำหรับลูกค้าและการขายสินค้า Digital
💡 เรียนรู้เพิ่มเติมกับคู่มือ 16 ขั้นตอนประเมินความเป็นไปได้ของไอเดียสินค้า
3. สร้างร้านค้าออนไลน์
เมื่อคุณตรวจสอบไอเดียสินค้าดิจิทัลแล้ว คุณจะต้องมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไว้วางจำหน่าย
สร้างเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าดิจิตัลและเริ่มต้นใช้งานได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยเลือกธีมจากแคตตาล็อกเทมเพลตเว็บไซต์ ใส่โลโก้ ข้อความ และภาพของคุณ เท่านี้ก็พร้อมที่จะเริ่มขายแล้ว
Shopify เป็นช่องทางที่ง่ายและน่าเชื่อถือที่สุดในการสร้างร้านค้าอีคอมเมิร์ซสำหรับสินค้าดิจิทัลออนไลน์ คุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางเทคนิค หรืองบประมาณสูงก็สามารถเลือกธีมจากเทมเพลตกว่า 100 แบบ พร้อมฟีเจอร์ในตัวเพื่อตั้งค่าเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีแอป Shopify ฟรีกว่า 4,000 แอปฯ ที่คุณสามารถใช้ในการจัดการร้านและขายสินค้าดิจิทัลออนไลน์ ซึ่งแอปฯ เหล่านี้จะทำให้การส่งมอบสินค้าดิจิทัลง่ายกว่าที่เคย ไปที่ App Store เพื่อหาแอปฯ ที่เชื่อมต่อกับร้านค้าของคุณ และทำทุกอย่างได้ ตั้งแต่โฮสต์คอร์สคอนเท้นท์ ไปจนถึงส่งมอบการซื้อ PDF
4. ทำการตลาดสินค้าดิจิทัล
เมื่อมีสินค้าดิจิทัลและหน้าร้านออนไลน์แล้ว ก็ถึงเวลาหาลูกค้า หากคุณขายแบบอักษรหรือเทมเพลตการออกแบบ ให้สร้างกลุ่มผู้ชมนักออกแบบ บนแพลตฟอร์มโซเชียลที่พวกเขานิยม นอกจากนี้ยังสามารถใช้อินฟลูเอนเซอร์หรือโฆษณาบนโซเชียลได้เช่นกัน
8 แอปฯ ขายสินค้าดิจิทัลบน Shopify
- EDP ‑ Easy Digital Products เป็นแอปฯ ยอดนิยมสำหรับขายไฟล์ที่ดาวน์โหลดได้และคีย์ใบอนุญาตจากร้านค้าออนไลน์
- Filemonk ออกแบบมาเพื่อทำให้การสร้างแบรนด์และการขายสินค้าดิจิทัลสำหรับเจ้าของร้าน Shopify ง่ายที่สุด
- SendOwl สำหรับธุรกิจสินค้าดิจิทัลที่ซับซ้อน โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์การทำงานอัตโนมัติที่หลากหลาย
- Courses แอป Shopify นี้ให้คุณสร้างบทเรียน คอร์สออนไลน์ การสัมมนา และคู่มือออนไลน์
- Single หากคุณเป็นนักดนตรีที่ขายเพลง แอปฯ นี้เชื่อมการขายเพลงทางกายภาพและดิจิทัลเข้าด้วยกัน
- FetchApp เป็นอีกแอปฯ สำหรับส่งมอบไฟล์ดาวน์โหลดดิจิทัลที่มีแผนฟรี (พื้นที่จัดเก็บ 5 เมกะไบต์)
- Sky Pilot แอปฯ สร้างโปรแกรมสมาชิก ขายไฟล์ และวิดีโอสตรีมพิเศษให้กับลูกค้า
- BookThatApp, Tipo หรือ Sesami ใช้ในการนัดหมายการปรึกษาหรือการสอน ทั้ง 3 แอปฯ มีแผนฟรีให้เลือก
นอกเหนือจากระบบส่งมอบสินค้าดิจิทัลเหล่านี้ ยังมีแอป Shopify อื่น ๆ เพื่อเพิ่มพลังและปกป้องสินค้าดิจิทัลของคุณ เช่น
- RecurrinGO! เป็นแอปเสียค่าสมาชิกรายสัปดาห์หรือรายเดือน ใช้สร้างคำสั่งซื้อที่เกิดซ้ำ เช่น ใบแจ้งหนี้ และการสมัครสมาชิกดิจิทัลสำหรับโปรแกรมเป็นอัตโนมัติ
- Disable Right-Click เมื่อคอนเท้นท์คือสินค้า แอปนี้ช่วยปกป้องคอนเท้นท์จากการถูกขโมย คุณสามารถล็อคภาพและข้อความเพื่อไม่ให้ถูกบันทึกหรือคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
หมายเหตุ: เมื่อสร้างสินค้าดิจิทัลใน Shopify อย่าลืมยกเลิกการเลือก "นี่คือสินค้าทางกายภาพ"
เคล็ดลับการตลาดและขายสินค้าดิจิทัล
ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจใหม่ หรือเพิ่มสินค้าดิจิทัลออนไลน์ในร้านค้า อย่าลืมเคล็ดลับเหล่านี้
สร้างสินค้าดิจิทัลดีๆ
เกณฑ์แรกสำหรับการสร้างสินค้าดิจิทัล คือการเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของลูกค้าของคุณ เนื่องจากคุณกำลังแข่งขันกับเนื้อหาฟรีบนเว็บ ลงทุนในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนไม่สามารถหาได้จากที่อื่น
ใช้ของฟรีเป็นแม่เหล็ก
ไม่ว่าสินค้าของคุณจะมีราคาเท่าใด สร้างเวอร์ชันขนาดย่อม แล้วแจกฟรี เพราะผลิตภัณฑ์ฟรีช่วยให้คุณสร้างลิสต์อีเมลที่คุณสามารถขายได้ในอนาคต นอกจากนี้มันยังเปิดโอกาสให้กับการขายเพิ่มและการกำหนดเป้าหมายลูกค้าที่มีศักยภาพด้วยโปรโมชั่นที่แตกต่างกัน ของฟรีสามารถสร้างความไว้วางใจ ระหว่างธุรกิจและลูกค้าที่มีศักยภาพได้
เริ่มโปรแกรมพันธมิตร
Affiliate เป็นแหล่งที่มาของการเข้าชมและยอดขายที่ใหญ่สำหรับผู้สร้างที่ขายสินค้าดิจิทัล หาอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และเสนอค่าคอมมิชชั่น โดยคุณสามารถกำหนดเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกันสำหรับพันธมิตรแต่ละราย เช่น หากอินฟลูฯ มีฐานผู้ชมมาก คุณสามารถให้ค่าคอมมิชชั่นสูงกว่า เพราะสินค้าได้รับการโฆษณาให้กับผู้ชมจำนวนมากกว่า เป็นต้น
รวบรวมพรีออเดอร์
วิธีที่ยอดเยี่ยมในการได้รับยอดขายล่วงหน้าคือการให้ราคาส่วนลด "Early Bird" หากคุณกำลังปล่อยสินค้าดิจิทัลใหม่ ลองเสนอส่วนลด 50% สำหรับผู้ซื้อ 100 คนแรก จากนั้น 25% สำหรับผู้ซื้อ 100 คนถัดไป และจากนั้นปล่อยของในราคาปกติหลังจากที่ส่วนลด 25% หมดอายุ
รับประกันคืนเงิน
แม้ว่าคุณอาจจะลังเลอยู่บ้างกับการให้ข้อเสนอนี้ แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของการทำธุรกิจออนไลน์ การรับประกันคืนเงิน แสดงให้ผู้ซื้อที่มีศักยภาพเห็นว่าคุณกำลังรับความเสี่ยงไว้กับตัวเอง
สร้างสินค้าดิจิทัลที่ดีที่สุดให้กับกิจการของคุณ
ไม่จำเป็นต้องถือสินค้าคงคลัง หรือค่าใช้จ่ายในการขายสินค้าทางกายภาพ สินค้าดิจิทัลทุกประเภทคือไอเดียธุรกิจออนไลน์ที่ทำกำไรได้
มีวิธีนับไม่ถ้วนที่คุณสามารถสร้างเนื้อหาดิจิทัลที่ดีที่สุด เพื่อขายซ้ำๆ และรวมเข้ากับธุรกิจ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และการลงทุนเวลาเบื้องต้น คุณสามารถให้เพิ่มคุณค่าให้ธุรกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนี้ยังมีความสามารถคืนทุนได้มากกว่า
พร้อมที่จะสร้างธุรกิจแรกของคุณหรือยัง? เริ่มการทดลองใช้ Shopify ฟรีของคุณ—ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินค้าดิจิทัล
ตัวอย่างของสินค้าดิจิทัลมีอะไรบ้าง?
- คอร์สออนไลน์และการสัมมนาออนไลน์
- หนังสือ Kindle
- หนังสือเสียง
- โปรแกรมซอฟต์แวร์
- องค์ประกอบเว็บ เช่น ธีม Shopify หรือ WordPress
- สินค้าที่พิมพ์ได้
- เว็บไซต์เฉพาะสมาชิก
- เวิร์กบุ๊ก
- เทมเพลต PowerPoint
เราจะสร้างสินค้าดิจิทัลอย่างไร?
- หาไอเดียสินค้าดิจิทัล
- วิจัยปัญหาของผู้ซื้อ
- ตรวจสอบไอเดียด้วยการวิจัยคำค้นหาและเทรนด์
- ผลิตสินค้าดิจิตัล
- สร้างร้านค้า Shopify
- สร้างกลุ่มผู้ชมและทำการตลาด
สินค้าดิจิทัลชนิดไหนที่มีความต้องการสูง?
- สินค้าทางการศึกษาเช่น eBooks และคอร์สออนไลน์
- คอมมูนิตี้สมาชิกพิเศษ
- เทมเพลตและเครื่องมือดิจิทัล
- เพลงหรือศิลปะที่นำกลับมาใช้ใหม่
- บริการที่ทำเป็นสินค้า
- ใบอนุญาตในการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล
สินค้าดิจิทัลประเภทใดขายดีที่สุด?
สินค้าดิจิทอลที่ขายดีที่สุด ได้แก่ การออกแบบกราฟิก, เทมเพลต, สิ่งพิมพ์ที่ดาวน์โหลดได้, เพลงและเสียง, ภาพถ่ายสต็อก และผลิตภัณฑ์พิมพ์ตามความต้องการ เช่น เสื้อยืด, สมุดบันทึก, และแก้ว