การทำงานเป็นศิลปินอาชีพมีอะไรมากว่าแค่การสร้างสรรค์งานศิลปะสวยๆ เพราะคุณจะต้องเข้าใจวิธีการสร้างฐานผู้ชม วิธีการตั้งราคา และรายละเอียดยิบย่อยที่จำเป็นต้องคำนึงเวลาจัดส่งงานศิลปะ หรือพูดง่ายๆ ก็คือคุณต้องสวมวิญญาณผู้ประกอบการนั่นเอง
ก่อนที่จะมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ศิลปินต้องพึ่งพาตัวแทนแกลเลอรี นายหน้า และผู้ค้าปลีกในการจัดจำหน่ายผลงาน แต่ปัจจุบันนี้ เครื่องมือสำหรับครีเอเตอร์ได้ช่วยให้ศิลปินอิสระสามารถเป็นเจ้าของช่องทางการจัดจำหน่ายของตัวเอง เพื่อสร้างและขายงานศิลปะทางออนไลน์แล้ว
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้บรรดาตัวแทนแกลเลอรีและภัณฑารักษ์สามารถเป็นตัวแทนขายผลงานให้กับศิลปินได้จำนวนมากขึ้น ทั้งยังสามารถขายภาพพิมพ์ศิลปะทางออนไลน์ในราคาที่เข้าถึงได้ให้กับกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้นอีกด้วย
แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นครีเอเตอร์หรือภัณฑารักษ์ คู่มือนี้ก็จะสอนวิธีขายงานศิลปะออนไลน์ให้คุณแบบทีละขั้นทีละตอน พร้อมแชร์เคล็ดลับจากตัวแทนแกลเลอรีและศิลปินที่ประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์
วิธีขายงานศิลปะออนไลน์
ในส่วนต่อไปนี้ เราจะมาพูดถึงพื้นฐานวิธีขายงานศิลปะออนไลน์กัน ผ่านหัวข้อต่างๆ ที่เราเตรียมมาไว้ให้สำหรับทั้งมือใหม่และมือเก๋า ตั้งแต่การติดต่อกับโรงพิมพ์ไปจนถึงการจัดการกรณีละเมิดลิขสิทธิ์
ไม่ว่าคุณจะอินศิลปะแขนงไหน จะงานอะคริลิก ภาพพิมพ์ดิจิทัล หรือประติมากรรม บทความนี้ก็มาพร้อมคำแนะนำวิธีขายงานศิลปะออนไลน์ที่ใช้ได้จริงสำหรับศิลปินมืออาชีพทุกคน พบกับคำแนะนำจาก Ken Harmon ตัวแทนแกลเลอรี Spoke Art, Cat Seto เจ้าของ Ferme à Papier และศิลปิน Maria Qamar หรือที่รู้จักในนาม Hatecopy ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะพาคุณไปเรียนรู้ทีละขั้นทีละตอน ตั้งแต่วิธีขายภาพวาดทางออนไลน์ ไปจนถึงการผลิตผลงานของคุณในรูปแบบสินค้าเลยล่ะ
1. เลือกโมเดลธุรกิจ: จะขายผลงานของคุณ หรือของศิลปินคนอื่น
วิธีขายงานศิลปะออนไลน์ มีอยู่ 2 วิธี ได้แก่ สร้างสรรค์เองกับคัดสรรเอง และ Cat Seto ก็ใช้ทั้งสองวิธี ทั้งขายงานที่เธอสร้างสรรค์เองและเป็นตัวแทนขายงานของศิลปินคนอื่นในร้านของเธอเอง คุณล่ะ เหมาะกับแบบไหน?
วาดเอง ขายเอง
ในฐานะศิลปิน คุณคือผู้สร้างที่รังสรรค์ชิ้นงานต้นฉบับ งานผลิตซ้ำชิ้นงานต้นฉบับ หรือสร้างผลงานศิลปะดิจิทัล และขายให้กับลูกค้าของตัวเองโดยตรง หรือขายผ่านแกลเลอรี ร้านที่เป็นพาร์ทเนอร์ หรือนายหน้า
เดี๋ยวนี้การขายงานด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่ายสุดๆ สำหรับศิลปิน เพราะมีเครื่องมือใหม่ๆ สำหรับครีเอเตอร์โผล่ขึ้นมาแทบจะเรียกว่าทุกวัน ถ้าคุณกำลังเรียนรู้วิธีขายงานศิลปะออนไลน์อยู่ แกลเลอรีสามารถเปิดโอกาสให้ผลงานของคุณเข้าถึงผู้ชมใหม่ๆ ได้นะ แถมพวกเขาอาจมีทรัพยากรและรู้จักมืออาชีพที่ช่วยคุณโปรโมท จัดแสดง จัดการ และจัดส่งงานศิลปะได้อีกด้วย
วิธีขายงานศิลปะออนไลน์ โดยการคัดสรรผลงานของศิลปินคนอื่น
หากคุณไม่ใช่ศิลปิน แต่มีสายตาที่เฉียบแหลมและใจรักศิลปะ คุณยังสามารถขายงานศิลปะได้ในฐานะภัณฑารักษ์
ศิลปินบางคนอาจไม่สนใจการตลาดหรือการหาวิธีการขายงานศิลปะออนไลน์ เลยหันมาพึ่งตัวแทนแกลเลอรี ภัณฑารักษ์ และร้านที่เป็นพาร์ทเนอร์แทน ในฐานะหุ้นส่วนของศิลปิน คุณจะได้รับเปอร์เซ็นต์จากราคาขาย เพื่อแลกกับความรู้และบริการทางธุรกิจของคุณ
คุณสามารถร่วมงานกับศิลปินเพื่อขายงานศิลปะของพวกเขาทางออนไลน์ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการขายชิ้นงานจริง ภาพพิมพ์ชิ้นงาน หรือขายสิทธิ์ในการนำไปพิมพ์ลงบนสินค้าหรือสื่อสิ่งพิมพ์
2. ตัดสินใจว่าจะขายอะไร: ชิ้นงานต้นฉบับหรืองานผลิตซ้ำ
วิธีที่ดีที่สุดในการขายงานศิลปะทางออนไลน์จะขึ้นอยู่กับลักษณะของงานศิลปะที่คุณทำและสื่อที่คุณใช้ คุณอาจเลือกที่จะขายงานศิลปะที่คุณทำ ขายเวอร์ชั่นผลิตซ้ำของงานนั้น หรือทั้งสองอย่างเลยก็ได้
ยกตัวอย่างเช่น ศิลปินวิจิตรศิลป์ที่สร้างผลงานด้วยสื่อแบบคลาสสิกและขายผลงานในราคาสูง อาจเลือกที่จะขายเฉพาะชิ้นงานต้นฉบับเท่านั้น ส่วนศิลปินที่สร้างงานศิลปะดิจิทัลซึ่งสามารถผลิตซ้ำได้โดยไม่เสียคุณภาพ ก็เหมาะที่จะขายผลงานในเวอร์ชั่นภาพพิมพ์และในรูปแบบสินค้าต่างๆ
อย่างไรก็ตาม งานศิลปะที่สร้างด้วยสื่อแบบสองมิติส่วนใหญ่ก็สามารถนำชิ้นงานไปผลิตเป็นรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างยอดขายได้ไม่จำกัดจากผลงานชิ้นเดียว
ลองพิจารณารูปแบบต่อไปนี้ดู
- ชิ้นงานต้นฉบับ: ภาพวาด งานลายเส้น งานภาพประกอบ (หมายเหตุ: คุณสามารถขายได้ทั้งชิ้นงานต้นฉบับและภาพพิมพ์จากชิ้นงานนั้น)
- ภาพพิมพ์แบบจำกัดหรือไม่จำกัดจำนวน: ใส่กรอบ ไม่ใส่กรอบ หรือพิมพ์ลงบนผ้าใบ
- งานศิลปะดิจิทัลหรือดิจิทัลดาวน์โหลด: ภาพวอลเปเปอร์สำหรับคอมพิวเตอร์ เทมเพลต งานศิลปะที่ให้ลูกค้าพิมพ์เองที่บ้าน เป็นต้น
- งานศิลปะตามสั่ง ผลงานที่สร้างขึ้นตามสั่งลูกค้า หรือได้รับการว่าจ้างจากธุรกิจ
- สินค้า: การพิมพ์งานศิลปะของคุณลงบนหมวก เคส iPhone แก้ว เสื้อยืด เข็มกลัด การ์ดอวยพร เครื่องเขียน เป็นต้น
- งานพิมพ์ลาย: บนผ้า กระดาษห่อของขวัญ หรือวอลล์เปเปอร์แต่งบ้าน
- การขายสิทธิ์: นำผลงานศิลปะไปให้แบรนด์หรือสำนักพิมพ์ต่างๆ “เช่า” (เหมาะสำหรับนักวาดภาพประกอบและช่างภาพ)
- การคอลแล็บกับแบรนด์: คอลเลกชันแบบลิมิเต็ดที่วางจำหน่ายเฉพาะในร้านของแบรนด์ที่เป็นพาร์ทเนอร์
วิธีขายภาพวาดทางออนไลน์
คู่มือนี้จะอธิบายทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ในการเป็นศิลปินที่ขายภาพวาดทางออนไลน์ คุณสามารถนำแต่ละขั้นตอนต่อไปนี้ไปใช้กับการขายงานศิลปะทางออนไลน์ทั้งในรูปแบบชิ้นงานต้นฉบับ และผลงานที่ผลิตขายในรูปแบบอื่นๆ ยกเว้นตรงหัวข้อเกี่ยวกับการพิมพ์ผลงานศิลปะ
วิธีขายภาพพิมพ์ทางออนไลน์
นอกจากนี้ คุณจะได้พบกับข้อมูลที่จำเป็นในการขายภาพพิมพ์ทางออนไลน์ คู่มือนี้จะสอนคุณทีละขั้นเกี่ยวกับการทำเงินจากการขายงานศิลปะออนไลน์โดยการนำชิ้นงานต้นฉบับมาพิมพ์ เพื่อให้สามารถขายซ้ำได้เรื่อยๆ รวมถึงวิธีใช้บริการพิมพ์ตามสั่ง เพื่อขายงานศิลปะดิจิทัลของคุณทางออนไลน์ที่เริ่มต้นได้เพียงไม่กี่คลิก
การนำผลงานศิลปะไปผลิตขายในรูปแบบอื่นๆ
ศิลปินพื้นเมืองแคนาดา Patrick Hunter นำผลงานศิลปะของเขาไปพิมพ์ขายบนสินค้าอื่นๆ อาทิ การ์ดอวยพรและเสื้อผ้าในราคาที่ใครๆ ก็เอื้อมถึง
งานศิลปะบางประเภท เช่น ประติมากรรม อาจจะนำไปผลิตซ้ำหรือทำเป็นสินค้าในรูปแบบอื่นได้ยากหน่อย แต่สำหรับผลงานที่นำไปสแกนหรือพิมพ์ไม่ได้นั้น ก็ยังสามารถนำไปทำเงินได้อีกหลายวิธีด้วยผลงานชิ้นเดียว เช่น งานปั้นดินเหนียวก็สามารถใช้แม่พิมพ์มาใช้ซ้ำได้ ส่วนงานดีไซน์สามมิติก็สามารถนำไปพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติซ้ำได้เรื่อยๆ
การนำชิ้นงานไปผลิตซ้ำ: Limited edition หรือ Open edition ดี
การพิมพ์งานศิลปะลงบนเสื้อยืด แก้ว หรือพิมพ์เป็นภาพ หมายความว่างานศิลปะชิ้นเดียวก็สามารถทำเงินได้ ทั้งแบบไม่รู้จบและแบบจำกัดเวลา เพราะมี 2 ทางเลือกให้คุณนำงานศิลปะของคุณไปพิมพ์ ก็คือพิมพ์แบบ Open edition และ Limited edition
Open Edition คืออะไร
Open edition หมายถึง การพิมพ์และขายผลิตภัณฑ์ (ในรูปแบบชิ้นงานพิมพ์ซ้ำหรือนำไปพิมพ์ลงบนสินค้าอื่นๆ) แบบไม่จำกัดจำนวนการพิมพ์ ด้วยตัวเลือกนี้ คุณสามารถทำกำไรจากงานศิลปะชิ้นเดียวได้ไม่รู้จบตราบเท่าที่ยังมีความต้องการ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่สินค้าของคุณมีวางจำหน่ายแบบไม่จำกัด มูลค่าโดยรวมของมันก็อาจจะลดลง
Limited Edition คืออะไร
Limited edition หมายถึง การพิมพ์เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จากนั้นสินค้าจะหมด โดยทั่วไปมักจะมีการระบุลำดับเลข พร้อมให้ศิลปินเซ็นเพื่อเพิ่มมูลค่าและรับรองว่าเป็นของจริง
ด้วยความที่จะมีสินค้าจำหน่ายในจำนวนน้อยกว่า ความจำกัดของมันจึงเพิ่มมูลค่าให้กับงานศิลปะ หมายความว่าคุณสามารถขายในราคาที่สูงขึ้นได้
Spoke มักใช้กลยุทธ์ Limited edition “เราทุ่มสุดตัวเพื่อหาอะไรที่พิเศษสุดๆ มาขาย และอะไรที่พิเศษๆ ก็ต้องได้รับการปฏิบัติแบบพิเศษๆ” Ken กล่าว
ในการป้องกันการนำไปขายต่อ Spoke จะจำกัดจำนวนซื้อต่อคน “สิ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดคือการทำให้แน่ใจว่า คนที่มีโอกาสซื้อสินค้าของเราก็คือแฟนตัวจริง” Ken กล่าว
3. ถ่ายภาพและสแกนผลงานของคุณ
การถ่ายภาพและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างชัดเจนและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็ก เพราะลูกค้าไม่สามารถสัมผัสผลิตภัณฑ์จริงๆ ได้ ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าจึงต้องการเห็นภาพของสิ่งที่พวกเขาจะซื้อได้อย่างชัดเจนและละเอียดที่สุด
การขายงานศิลปะออนไลน์ก็ไม่ต่างกัน “ถ้าคุณใช้ภาพเบลอๆ หรือภาพที่ไม่ตรงกับสิ่งที่คุณจะขาย คุณก็คงจะขายลำบากแน่ๆ” Ken กล่าว หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องรับมือกับลูกค้าที่ไม่พอใจสินค้าและขอส่งคืน
การถ่ายภาพงานศิลปะเพื่อขาย
การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์สำหรับงานศิลปะนั้นซับซ้อนกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ อยู่นิดหน่อย และการจัดไฟแบบธรรมดาๆ ก็อาจทำให้เกิดแสงสะท้อนหรือสีไม่ตรงกับสีจริงๆ ดังนั้นสำหรับงานชิ้นใหญ่ๆ หรือชิ้นงานสามมิติหรือชิ้นงานที่มีองค์ประกอบมันๆ เงาๆ ให้คุณเลือกจ้างช่างภาพมืออาชีพจะดีกว่า
หากคุณกำลังขายสินค้าอื่นๆ ที่มีผลงานศิลปะของคุณ ก็สามารถใช้กฎหลักๆ ของการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ได้เช่นกัน ดังนี้
- ถ่ายภาพสินค้าชัดๆ ในหลายๆ มุม รวมถึงช็อตซูมใกล้ๆ เพื่อให้เห็นพื้นผิวและรายละเอียด
- ภาพถ่ายแนวไลฟ์สไตล์ (ที่วางผลิตภัณฑ์ของคุณไว้ในฉาก) เหมาะสำหรับหน้าโฮมเพจและโซเชียลมีเดีย รวมถึงช่วยให้เห็นขนาดของสินค้า
บริการพิมพ์ตามคำสั่งมักจะมีภาพม๊อกอัปให้ด้วย คุณสามารถนำไว้แสดงไว้ในเว็บไซต์เพื่อประกอบหรือใช้แทนภาพถ่ายได้
การสแกนงานศิลปะเพื่อขาย
สำหรับงานศิลปะสองมิติ Ken แนะนำให้สแกนเอา เพราะเป็นทางเลือกที่ประหยัดและให้ผลลัพธ์พอๆ กับการถ่ายภาพ
“วิธีที่คุ้มค่าที่สุดในการสแกนคือ ให้ใช้สแกนเนอร์ตั้งโต๊ะและสแกนงานเป็นส่วนๆ จากนั้นนำไปต่อเข้าด้วยกันบนคอมพิวเตอร์” เขากล่าว “ถ้าชิ้นงานของคุณมีการเคลือบหรือเป็นเรซิน ก็อาจจะยากขึ้นมาหน่อย แต่สำหรับงานบนผ้าใบหรือกระดาษ ส่วนใหญ่ก็จะค่อนข้างง่าย” ในกรณีที่สแกนยากหน่อย แกลเลอรีหรือบริการงานพิมพ์ต่างๆ สามารถช่วยคุณได้นะ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ภาพที่ได้จะต้องตรงกับผลงานจริงๆ ของคุณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้คุณสามารถนำไปใส่พอร์ตโฟลิโอ หรือขายงานในรูปแบบภาพพิมพ์หรืองานศิลปะดิจิทัลได้
🎨 เรียนรู้เพิ่มเติม
4. ค้นหาโรงพิมพ์เพื่อพิมพ์งานศิลปะ
การทำความเข้าใจวิธีขายภาพพิมพ์จากงานศิลปะของคุณ มีหลักใหญ่ใจความอยู่ที่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณกับเครื่องพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นปริ๊นเตอร์อิงก์เจ็ตที่บ้านหรือของบริษัทที่คุณจ้างพิมพ์ ซึ่งก็มีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่การพิมพ์เอง ไปจนถึงการจ้างโรงพิมพ์ เพื่อช่วยให้คุณขายภาพพิมพ์ศิลปะหรือสินค้าอื่นๆ ให้กับลูกค้าได้
พิมพ์ด้วยตนเอง
คุณสามารถเริ่มขายงานศิลปะของคุณด้วยการพิมพ์ด้วยตัวเองในแบบคุณภาพสูง โดยใช้ปริ๊นเตอร์ที่บ้าน และกระดาษกับหมึกดีๆ ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ วิธีนี้จะทำให้ต้นทุนไม่สูง แต่อาจจะไม่ยั่งยืนเท่าไหร่ถ้ากิจการคุณใหญ่ขึ้นในอนาคต
“ตอนแรกๆ ฉันทั้งพิมพ์ บรรจุซอง และส่งโปสเตอร์ที่มีออร์เดอร์เข้ามาด้วยตัวเองทุกแผ่น” Maria กล่าว “จนถึงจุดหนึ่งที่ออร์เดอร์มันเยอะเกินไปจนฉันไม่มีเวลาไปวาดรูป เพราะง่วนอยู่กับการเดินทางและจัดส่งทั้งวัน”
โดยทั่วไปแล้ว วิธีนี้จะใช้ได้แค่กับงานพิมพ์ลงบนกระดาษ แต่สำหรับปริ๊นเตอร์เฉพาะทางบางรุ่น คุณก็สามารถพิมพ์ลงบนกระดาษแคนวาสหรือผ้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะได้
จ้างพิมพ์
โรงพิมพ์แถวบ้านหรือโรงพิมพ์ออนไลน์สามารถพิมพ์ผลงานของคุณในปริมาณมาก และมีส่วนลดถ้าคุณสั่งพิมพ์เป็นโหลๆ ได้ วิธีนี้จะดีที่สุดถ้าคุณขายงานศิลปะออนไลน์แบบมีสินค้าจำนวนไม่มาก และแต่ละชิ้นมียอดขายเยอะ
แต่วิธีนี้ คุณยังต้องบรรจุและส่งสินค้าด้วยตัวเอง โรงพิมพ์เหล่านี้สามารถพิมพ์งานคุณภาพดีๆ ได้เนื่องจากมีแท่นพิมพ์ที่ทันสมัยกว่า
ใช้บริการพิมพ์ตามสั่ง
บริการพิมพ์ตามสั่ง เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ต้องลงมือเอง รวมทั้งอเนกประสงค์และง่ายที่สุดสำหรับการขายงานศิลปะออนไลน์ ยิ่งถ้าคุณตั้งใจจะพิมพ์ภาพของคุณลงบนสินค้าอย่างเสื้อยืดหรือหมวก
บริการพิมพ์ตามสั่งมักจะทำงานผสานกับร้านค้าออนไลน์ของคุณ เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ระบบจะสั่งให้พิมพ์สินค้าชิ้นนั้นและจัดส่งไปให้ลูกค้าโดยตรง วิธีนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการขายงานศิลปะออนไลน์แบบมีงบไม่มาก เพราะไม่ต้องลงทุนค่าอุปกรณ์หรือสต๊อกสินค้า
สำหรับ Maria เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาเยอะกินกำลังที่เธอจะพิมพ์และจัดส่งเอง เธอจึงขยับไปใช้บริการโรงพิมพ์ตามสั่ง “สิ่งที่ฉันต้องทำก็แค่อัปโหลดภาพและให้โรงพิมพ์จัดการที่เหลือต่อ” เธอกล่าว “ตอนนี้ฉันเลยสามารถโฟกัสไปที่การสร้างสรรค์ผลงานและการเชื่อมต่อกับผู้คนได้แล้ว”
สินค้าจากบริการพิมพ์ตามสั่งไม่ได้มีแค่งานพิมพ์บนกระดาษ งานศิลปะของคุณสามารถพิมพ์ลงบนข้าวของได้หลากหลายขนิด ตั้งแต่เคสโทรศัพท์ไปจนถึงสติกเกอร์เลยทีเดียว
💡 เคล็ดลับ: อย่าลืมขอตัวอย่างจากโรงพิมพ์ตามสั่ง เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบสีและคุณภาพการพิมพ์ได้ เรื่องนี้สำคัญมาก ยิ่งถ้าคุณจะให้โรงพิมพ์ส่งสินค้าไปยังลูกค้าโดยตรง
5. สร้างแบรนด์ของคุณในฐานะศิลปิน
ในฐานะศิลปินที่เรียนรู้วิธีการขายงานศิลปะ แบรนด์ของคุณอาจกลายเป็นส่วนเสริมของงานศิลปะของคุณก็ได้ สไตล์และสื่อที่คุณเลือกจะสะท้อนตัวตนของคุณในฐานะศิลปิน และคุณจะมัดใจแฟนๆ และลูกค้าได้ด้วยสิ่งนี้ อย่างไรก็ตาม มีหลายเรื่องอยู่เหมือนกันที่คุณต้องตัดสินใจให้รอบคอบ เมื่อคิดจะสร้างตัวคุณให้เป็นทั้งธุรกิจและศิลปิน
เพราะงานศิลปะเป็นการซื้อที่ใช้เหตุผลส่วนตัวและบางครั้งก็มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง เรื่องราวของแบรนด์คุณในฐานะศิลปินอาจมีส่วนในการตัดสินใจของคนบางคนว่าจะซื้อดีหรือไม่ และองค์ประกอบทางธุรกิจอื่นๆ เช่น บรรจุภัณฑ์และการออกแบบเว็บไซต์ควรสะท้อนหรือเติมเต็มสุนทรียภาพของตัวผลงานด้วย
การสร้างแบรนด์ของคุณควรตอบโจทย์ต่อไปนี้
- คุณสร้างและขายงานศิลปะภายใต้ชื่อของคุณ นามแฝง หรือชื่อแบรนด์
- คุณจะเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างไร คุณจะบอกเล่าเรื่องส่วนตัวของคุณมากน้อยแค่ไหน
- คุณมีภารกิจ คุณค่า หรือโครงการอะไรที่คุณอยากสื่อผ่านแบรนด์ของคุณหรือไม่
- นอกเหนือจากงานศิลปะเองแล้ว ภาพลักษณ์ที่สื่อเอกลักษณ์แบรนด์ของคุณคืออะไร คุณต้องการสื่อสารออกมาในโทนไหน
- คุณต้องใช้องค์ประกอบทางการตลาดอะไรบ้าง? ถึงคุณจะออกแบบไม่เป็นหรือไม่มีงบจ้างกราฟิกดีไซเนอร์ แต่คุณก็สามารถสร้างโลโก้ด้วยเครื่องมือสร้างโลโก้ และออกแบบแบรนด์ด้วยเครื่องมือที่ฟรีและใช้งานง่ายได้
คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางไกด์ไลน์ของแบรนด์ ที่จะเป็นรากฐานสำหรับการออกแบบเว็บไซต์ สื่อการตลาด และอีกมากมายได้ และถ้าคุณจะขยายธุรกิจ ไกด์ไลน์เหล่านี้จะช่วยให้คุณรักษาภาพรวมของแบรนด์ให้สอดคล้องกัน เมื่อคุณมอบหมายงานให้พนักงานหรือพาร์ทเนอร์รายอื่นๆ
เรื่องราวของแบรนด์คุณสามารถปรากฏได้ในหลายที่ รวมถึงเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียของคุณ เอกสารที่แนบในบรรจุภัณฑ์ของคุณ และในหน้า ‘เกี่ยวกับ’ บนเว็บไซต์ของคุณ อย่างเช่นหน้านี้ของ Sarah Migliacco ศิลปินชาวออสเตรเลีย
ศิลปินหลายคนสร้างฐานแฟนๆ จากตัวตนบนโลกออนไลน์ หรือแบรนด์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะของพวกเขาอย่างใกล้ชิด เช่น Tatiana Cardona หรือ Female Alchemy ที่เลือกจะใส่ใบหน้าของเธอลงไปเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ทางโซเชียลมีเดีย
🎨 เรียนรู้เพิ่มเติม
6. ตั้งราคาขายผลงานของคุณ
คุณจะขายงานศิลปะของคุณออนไลน์ให้มีกำไรได้อย่างไร? การทำมาหากินในฐานะศิลปินนั้นป็นไปได้ถ้าคุณรู้วิธีการประเมินค่าและตั้งราคางานของคุณ การตั้งราคางานศิลปะนั้นเป็นเรื่องท้าทาย เพราะมันไม่ได้ต้องเป็นไปตามกลยุทธ์การตั้งราคาแบบตรงไปตรงมา
ตั้งราคางานศิลปะต้นฉบับ
การดำเนินธุรกิจใดๆ ให้ยั่งยืนในระยะยาวถึงจุดหนึ่งก็เป็นเรื่องของการทำกำไรให้ได้ เช่นเดียวกันกับวิธีขายงานศิลปะออนไลน์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ คุณจะต้องตั้งราคางานศิลปะให้เหมาะสม ถ้าคุณเพิ่งเริ่มทดลองขายภาพวาดออนไลน์และไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย คุณสามารถเริ่มต้นด้วยสูตรง่ายๆ ในการตั้งราคางานศิลปะต้นฉบับของคุณ ดังนี้
ค่าวางขายชิ้นงาน + ค่าวัสดุ + ค่าใช้จ่ายอื่นๆ + มาร์กอัป (กำไร) = ราคาขายปลีก
สำหรับวิธีนี้ ถ้าคุณคำนวณเวลาที่ต้องใช้สร้างผลงานเข้าไปด้วยก็จะยิ่งดี เป็นเรื่องปกติที่ศิลปินจะประเมินค่าเวลาและผีมือของตัวเองต่ำเกินไป โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น
สิ่งที่ทำให้สูตรการคำนวณข้างต้นไม่เวิร์กคือเพราะมูลค่าของงานศิลปะเป็นเรื่องอัตวิสัย และไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่เป็นรูปธรรม อย่างต้นทุนวัสดุหรือชั่วโมงการทำงาน ศิลปินที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จสามารถเรียกราคาที่สูงกว่าศิลปินใหม่มหาศาล แม้จะมีต้นทุนในการทำงานพอๆ กัน คุณควรตรวจสอบตลาดเพื่อเปรียบเทียบราคาของคุณกับศิลปินแนวๆ เดียวกัน ในเบอร์ใกล้ๆ จากนั้นจึงปรับราคาให้เหมาะสม
💡 เคล็ดลับ: คุณสามารถทำงานร่วมกับตัวแทนแกลเลอรี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินค่าและตั้งราคางานศิลปะ เพื่อกำหนดราคาที่เหมาะสมสำหรับคุณ แกลเลอรี และตลาด แต่อย่าลืมว่าแกลเลอรีจะได้รับส่วนแบ่งจากราคาขาย ไม่ว่าจะขายทางออนไลน์หรือในชีวิตจริง
การตั้งราคาขายภาพพิมพ์
การขายภาพพิมพ์หรือสินค้าประเภทอื่นๆ ที่มีการพิมพ์งานศิลปะ สามารถใช้สูตรการตั้งราคาที่ง่ายกว่า ดังนี้
ค่าพิมพ์ + ค่าวางขายชิ้นงาน + ค่าใช้จ่ายอื่นๆ + มาร์กอัป (กำไร) = ราคาขายปลีก
มาร์กอัพของคุณอาจเป็นขั้นบันได ขึ้นอยู่กับว่าคุณขายการพิมพ์แบบจำกัดจำนวนหรือไม่ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็อย่างเช่นอุปกรณ์สำนักงาน ค่าซอฟต์แวร์หรือแอป ค่าจ้างบริการต่างๆ ค่าเช่าสตูดิโอ และอื่นๆ
“การรู้ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณมีความหมายอย่างไร และสิ่งที่คุณจะไม่ยอมอ่อนให้ เป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการตั้งราคา” Cat กล่าว สำหรับเธอ การพิมพ์บนกระดาษรักษ์โลกเป็นสิ่งที่ต้องมี แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้นและราคาขายก็ต้องสูงตาม การสื่อสารการตัดสินใจเหล่านี้ให้ลูกค้าทราบเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาของคุณสูงกว่าค่าเฉลี่ย
🎨 เรียนรู้เพิ่มเติม
- วิธีการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ใน 3 ขั้นตอนง่ายๆ
- ครองตลาด: 15 กลยุทธ์การตั้งราคาขายปลีก
- วิธีคำนวณราคาขายส่งและอัตรากำไร (2024)
7. สร้างร้านค้าอีคอมเมิร์ซเพื่อขายงานศิลปะออนไลน์
วิธีที่ดีที่สุดในการขายงานศิลปะออนไลน์คือการขายในเว็บไซต์ของคุณเอง หากคุณได้ตั้งแนวทางแบรนด์ ราคาขาย และโมเดลธุรกิจ (ต้นฉบับ การพิมพ์ หรือสินค้า) ไว้แล้ว คุณก็ได้ลงมือทำมาเยอะแล้ว ขั้นตอนนี้ก็เป็นการประกอบเข้าด้วยกันเท่านั้น
หน้าสำคัญๆ ของเว็บ
ร้านค้าอีคอมเมิร์ซแต่ละแห่งควรประกอบด้วยหน้าสำคัญๆ ที่ลูกค้าคาดหวังว่าจะเห็นเมื่อเรียกดู เช่น หน้าโฮม หน้า ข้อมูลติดต่อ หน้าเกี่ยวกับ หน้าแค็ตตาล็อก และหน้าผลิตภัณฑ์ หน้าสำคัญที่ควรมี แต่คนไม่ค่อยรู้กัน ก็คือหน้าข้อกำหนดและเงื่อนไข คำถามที่พบบ่อย นโยบายความเป็นส่วนตัว และนโยบายการจัดส่ง
สำหรับศิลปิน หน้าแกลเลอรีหรือพอร์ตโฟลิโออาจมีประโยชน์หากคุณวางแผนที่จะขายสิทธิ์การนำผลงานของคุณไปใช้ ขายงานผ่านแกลเลอรี ให้บริการงานศิลปะตามสั่ง หรือดึงดูดการร่วมมือกับแบรนด์
การออกแบบหน้าร้านและธีม
เมื่อสร้างร้านค้าออนไลน์ของคุณ ให้เลือกธีม Shopify ซึ่งจะทำให้งานศิลปะของคุณไม่แน่นเกินไป เพราะจะโชว์ภาพขนาดใหญ่ และมีพื้นที่สีขาวหรือพื้นที่ว่างเยอะๆ ธีมต่างๆ ก็เหมือนกับเทมเพลตให้คุณเอาไปต่อยอด วางภาพของตัวเองลงไป ใส่ข้อความของคุณเอง และปรับสีและรูปแบบให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
แม้ว่าธีม Shopify จะออกแบบมาให้ปรับแต่งได้ง่ายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด แต่คุณยังสามารถปรับแต่งธีมของคุณให้ล้ำไปกว่านั้นด้วยการจ้าง Shopify Expert มาช่วยออกแบบหรือพัฒนา
🎨 เรียนรู้เพิ่มเติม
- ตัวอย่างและเคล็ดลับในการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซให้สวยปัง
- ธีมไหนเหมาะกับร้านค้าออนไลน์ของคุณที่สุด มาทำแบบทดสอบกัน
แอปสำหรับร้านศิลปะ
Shopify App Store เต็มไปด้วยแอปที่เชื่อมต่อโดยตรงกับร้านค้าออนไลน์ของคุณ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจง เพิ่มฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร และช่วยให้คุณทำร้านค้าได้อย่างราบรื่น ทำให้คุณมีเวลาไปทุ่มให้การสร้างสรรค์ผลงาน
คำแนะนำเกี่ยวกับแอปที่จะช่วยคุณขายงานศิลปะออนไลน์
- แอปพิมพ์ตามสั่ง: ถ้าคุณขายงานศิลปะของคุณในรูปแบบภาพพิมพ์ดิจิทัลและสินค้า แอปอย่าง Creativehub, Printful หรือ Printify สามารถซิงค์กับร้านค้าของคุณได้
- แอปแกลเลอรี: แอปอย่าง POWRful Photo Gallery สามารถใช้สร้างพอร์ตโฟลิโอหรือแค็ตตาล็อกผลงานของคุณ เพื่อแชร์กับแกลเลอรีหรือแบรนด์ที่ต้องการร่วมงานกับคุณ
- แอปการตลาดโซเชียล: อัปเดตเนื้อหน้าบนเว็บให้ทันสมัยด้วยแอปอย่าง Instafeed ที่ดึงภาพจาก Instagram มาลงในเว็บไซต์ของคุณ
- แอปหน้าผลิตภัณฑ์: ถ้าคุณขายชิ้นงานศิลปะแบบมีตัวเลือก (เช่น ไซส์ ใส่กรอบหรือไม่ใส่กรอบ ประเภทกระดาษ ฯลฯ) ใช้แอปเช่น SC Product Options เพื่อวางรายการต่างๆ ซ้อนกัน
🎨 เรียนรู้เพิ่มเติม
- 20 แอปฟรีที่ดีที่สุดสำหรับร้านค้า Shopify ของคุณ
- 150+ แพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (2024)
8. สำรวจช่องทางอื่นๆ ในการขายงานศิลปะ
สถานที่ที่ดีที่สุดในการขายงานศิลปะออนไลน์จะเป็นที่ไหนได้? นอกเหนือจากร้านค้าออนไลน์ของคุณเอง ก็ต้องเป็นที่ที่ลูกค้าในอุดมคติของคุณมารวมตัวกันน่ะสิ ถ้าคุณมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย นั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนะ
การมีกลยุทธ์หลายช่องทางถือเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องอิสระของคุณในฐานะครีเอเตอร์ ร้านค้าออนไลน์ของคุณคือที่ที่คุณกำหนดหน้าตาและความรู้สึกของพื้นที่นั้นเองได้ รวมไปถึงฐานผู้ชมที่คุณสร้างด้วย แต่การเพิ่มช่องทางอื่นๆ ก็สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น และสร้างแบรนด์บุคคลของคุณในฐานะศิลปินได้เช่นกัน
พื้นที่ขายงานศิลปะออนไลน์ก็อย่างเช่น
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอิสระ ช่วยให้คุณขายออนไลน์โดยใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopify
- ตลาดออนไลน์ เช่น Etsy, Amazon หรือ eBay สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับร้านค้าออนไลน์ของคุณ ช่วยให้คุณซิงค์การขายและเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขึ้นได้
- ตลาดเฉพาะทางอื่นๆ ด้านศิลปะ ช่วยพาคุณไปปรากฏตัวในที่ที่คนรักศิลปะมารวมตัวกัน (Society 6, Artfinder, Saatchi Art, Fine Art America เป็นต้น)
- ช่องทางการขายในโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook และ Instagram ที่รวมเข้ากับร้านค้า Shopify ของคุณ ขายบน TikTok และทำโฆษณา TikTok เพื่อดึงแฟนๆ มาที่ร้านของคุณ
- ขายส่งหรือฝากขาย กับร้านบูติกและแกลเลอรีออนไลน์ คุณสามารถค้นหาในตลาดขายส่งเพื่อหาผู้ค้าปลีกที่ต้องการขายงานศิลปะของคุณได้
- คอลแล็บกับศิลปินคนอื่นที่ขายงานศิลปะออนไลน์ เปิดตัวกับฐานผู้ชมของศิลปินเหล่านั้น โดยผลิตงานร่วมกันเพื่อขายและโปรโมตทั้งในเว็บไซต์ของคุณและของพวกเขา
นอกเหนือจากการขายส่งแล้ว Cat ยังขายงานศิลปะของเธอให้กับลูกค้าโดยตรง และรับงานในโปรเจ็กต์ตามสั่งของลูกค้าและแบรนด์ต่างๆ “ถ้าฉันพยายามที่จะบาลานซ์ทั้งหมดนี้พร้อมกันในช่วงแรกๆ” เธอกล่าว “บอกเลยว่าฉันงานล้นมือแน่ๆ”
เชื่อมต่อกับผู้ซื้อใน TikTok
Shopify มาพร้อมกับเครื่องมืออันทรงพลังเพื่อช่วยให้คุณเล่าเรื่องแบรนด์ของคุณ และสร้างโฆษณาในฟีด TikTok ได้ภายในไม่กี่นาที ทำยอดขายบน TikTok และจัดการคำสั่งซื้อ การคืนสินค้า และการชำระเงินทั้งหมดจาก Shopify ได้เลย
9. ขายงานศิลปะของคุณแบบออฟไลน์ การจัดแสดงในแกลเลอรี ป๊อปอัป และอีเวนต์
เนื่องจาก Maria ทำงานศิลปะโดยใช้สื่อแบบดั้งเดิม เท็กซ์เจอร์หรือขนาดของชิ้นงานที่เธอทำจึงสูญเสียรายละเอียดไปมากเมื่อทำเป็นดิจิทัล “มันเป็นชิ้นงานที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นเวลาเราจัดนิทรรศการ คุณจะสามารถเดินเข้าไปในแกลเลอรีและเห็นว่าฉันเป็นคนจริงๆ ที่มีทักษะเฉพาะทาง และสามารถวาดภาพหรือสร้างงานอินสตอลเลชั่นขนาดใหญ่ได้” เธอกล่าว
ศิลปินสามารถเชื่อมต่อกับแฟนๆ และค้นหาผู้ชมใหม่ๆ โดยการขายงานศิลปะแบบออฟไลน์ คุณสามารถใช้ประสบการณ์แบบตัวต่อตัวนี้ดึงผู้คนกลับไปที่ร้านค้าออนไลน์ของคุณได้
สิ่งที่ควรทำเมื่อขายงานศิลปะของคุณในชีวิตจริง
- ร่วมมือกับแกลเลอรีเพื่อจัดแสดงผลงานและจุดกระแส
- มองหาตลาดศิลปะในท้องถิ่น อาร์ตแฟร์ หรืออีเวนต์ และตั้งบูธเป็นงานๆ ไป หรือบูธแบบกึ่งถาวร
- ฝากขายหรือขายส่งให้กับร้านขายศิลปะ ของขวัญ หรือร้านแนวไลฟ์สไตล์ หรือตั้งป๊อปอัปเล็กๆ ไว้ภายในร้าน
- เปิดสตูดิโอของคุณให้ผู้คนมาเยื่ยมชมเมื่อคุณเปิดเว็บไซต์ หรือกำหนดเวลาที่จะเปิดสตูดิโอประจำสัปดาห์ เพื่อชวนแฟนๆ มาดูกระบวนการทำงานของคุณ
- เปิดร้านป๊อปอัป (ร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย)
- “ให้ยืม” หรือฝากผลงานไปวางตกแต่งไว้ในร้านค้าใหม่ๆ ที่มีแวว เช่น คาเฟ่ เพื่อให้คนเห็นผลงานของคุณมากขึ้น
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น 3D และ AR สำหรับร้านค้าออนไลน์ และเทรนด์ที่มุ่งหน้าไปสู่การสร้างประสบการณ์ดิจิทัล อาจทำให้โลกศิลปะเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในอนาคต ดังนั้นคุณจึงควรติดตามแนวโน้มของผู้บริโภค ไปพร้อมๆ กับเรียนรู้วิธีขายงานศิลปะและขยายธุรกิจของคุณ
10. ทำงานร่วมกับแกลเลอรีเพื่อขายงานศิลปะของคุณ
คุณสามารถทำงานร่วมกับแกลเลอรีเพื่อให้แกลลอรีขายงานศิลปะของคุณแทนคุณ หากคุณไม่อยากจะรับมือกับด้านที่เป็นธุรกิจของศิลปะ หรือใช้แกลเลอรีเป็นช่องทางเพิ่มเติมเพื่อเติมเต็มความพยายามของคุณ ความร่วมมือนี้จะทำให้คุณเข้าถึงผู้ชมใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงนักซื้อศิลปะตัวยงและนักสะสมงานศิลป์ด้วย
ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อทำงานกับแกลเลอรี
✅ ควรทำ เช็กบัญชีโซเชียลมีเดียของแกลเลอรี “หากคุณมีผู้ติดตามมากกว่าแกลเลอรี หรือแกลเลอรีนั้นไม่มีผู้ติดตามมาก คุณอาจจะต้องเอะใจสักหน่อย” Ken กล่าว แกลเลอรีควรที่จะพางานของคุณไปหาผู้ชมได้มากกว่าที่คุณทำได้เอง
❌ อย่าทำ ติดต่อแกลเลอรีผ่านโซเชียลมีเดีย (เว้นแต่พวกเขาจะระบุว่าให้ทำ) “แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะเป็นจุดสนใจหลักสำหรับเรา แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่เป็นมืออาชีพในการเข้าหาหากคุณเป็นศิลปิน” Ken กล่าว
✅ ควรทำ หาข้อมูลและติดต่อเฉพาะแกลเลอรีที่เป็นตัวแทนผลงานที่สอดคล้องกับสไตล์ของคุณ “คุณไม่สามารถขายงานสตรีทอาร์ตให้กับคนที่งานอิมเพรสชั่นนิสม์ได้หรอก” Ken กล่าว
❌ อย่าทำ ลดคุณภาพเพื่อเพิ่มปริมาณ “มันน่าหงุดหงิดจะตาย เวลาเห็นศิลปินที่อยากจะดึงดูดความสนใจของเราด้วยการแท็กเราและแกลเลอรีอื่นๆ อีก 20 แห่งในโพสต์เดียว” เลือกมา 2-3 แกลเลอรีที่คุณต้องการทำงานด้วยมากที่สุด และติดต่อแยกกันไป
✅ ควรทำ ทำการบ้านของคุณ “หาชื่อของผู้อำนวยการหรือภัณฑารักษ์ของแกลเลอรี” Ken กล่าว “การส่งอีเมลแบบระบุชื่อผู้รับได้จะเป็นก้าวแรกที่ดี”
11. ขายสิทธิ์การใช้ผลงานของคุณ
นอกจากการขายชิ้นงานศิลปะ ทั้งผลงานต้นฉบับและการพิมพ์ซ้ำ ยังมีอีกวิธีที่คุณสามารถทำเงินได้ในฐานะศิลปิน นั่นก็คือการขายสิทธิ์การใช้ผลงาน การขายสิทธิ์การใช้ผลงานของคุณคือการขายสิทธิ์ให้แบรนด์ ธุรกิจ สถาบัน หน่วยงาน เว็บไซต์ภาพถ่ายสต็อก หรือบุคคล ให้สามารถใช้ผลงานของคุณเวอร์ชันดิจิทัล เพื่อจุดประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงในระยะเวลาที่กำหนด
สัญญาให้สิทธิ์ใช้งานก็แตกต่างกันไป และอาจให้สิทธิ์การใช้งานได้ไม่จำกัด หรือให้สิทธิ์ในการใช้งานศิลปะดิจิทัลแบบไม่มีกำหนดเวลา แต่ก็มักจะต้องมีข้อกำหนดบางประการเพื่อปกป้องตัวศิลปินด้วย ก่อนจะทำข้อตกลงใดๆ ทางกฎหมาย คุณควรทำความเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังจะเซ็น และดูให้แน่ใจว่าคุณจะยังคงเป็นเจ้าของภาพของคุณอยู่
💡เคล็ดลับ: ปรึกษาทนายความด้านสัญญาเพื่อขอความช่วยเหลือในการเจรจาข้อตกลงการให้สิทธิ์ใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีชื่อเสียงมากขึ้นหรืองานศิลปะของคุณมีมูลค่าสูงขึ้น
12. ทำการตลาดแบรนด์งานศิลปะของคุณ
ศิลปินหลายคน เช่น Maria เริ่มต้นด้วยโซเชียลมีเดีย ขยายฐานผู้ติดตามก่อนเปิดร้านค้าและสร้างรายได้จากผลงาน ช่องทางที่คุณได้รับความสนใจมากที่สุดในช่วงเริ่มต้น คือช่องทางที่เหมาะสมที่จะใช้พลังงานและเงินในการทำการตลาดช่วงแรก
ศิลปิน Adam Spychala ใช้ Instagram ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ติดตามมากกว่า 100,000 คน เพื่อโปรโมตผลงานและร้านพิมพ์ของเขา
มีหลายวิธีในการทำการตลาดผลงานศิลปะของคุณและดึงดูดผู้เข้าชมไปยังช่องทางการขายของคุณ ลองใช้กลยุทธ์การตลาดเหล่านี้สำหรับแบรนด์ของคุณ
- โฆษณาแบบจ่ายเงิน ลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มเช่น Google หรือ Facebook ลงทุนในเนื้อหาโซเชียลออร์แกนิกด้วยการโพสต์อย่างสม่ำเสมอและมีส่วนร่วมกับแฟนๆ และชุมชนศิลปะออนไลน์บ่อยๆ
- จัดการแข่งขันหรือเสนอส่วนลดพิเศษ ใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อช่วยสร้างรายชื่ออีเมลของคุณ ใช้การตลาดแบบมีอิทธิพล ติดต่อผู้สร้างและสื่อเมื่อคุณเปิดตัวเว็บไซต์หรือคอลเลกชันใหม่
- ใช้ SEO เรียนรู้เกี่ยวกับ SEO สำหรับอีคอมเมิร์ซเพื่อช่วยปรับปรุงการค้นพบร้านค้าของคุณบนเครื่องมือค้นหา
- ลองทำการตลาดออฟไลน์ เข้าร่วมงานแสดงศิลปะและตลาดหรือทำงานร่วมกับแกลเลอรีเพื่อขยายการเข้าถึงของคุณไปยังผู้ชมกลุ่มใหม่ที่ใหญ่ขึ้น
- ใช้การตลาดคอนเท้นท์ ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของคุณเพื่อสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับศิลปะ บทช่วยสอน เบื้องหลังฉาก ฯลฯ ไม่ว่าจะผ่านบล็อก บัญชี TikTok ช่อง YouTube หรือพอดแคสต์
ศิลปิน Segun Caezar พาแฟนๆ ไปเบื้องหลังด้วยเนื้อหาที่แสดงให้เห็นกระบวนการสร้างภาพวาดของเขา
เรียนรู้เพิ่มเติม
- กลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วในการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ในปี 2024
- คู่มือการตลาด TikTok ปี 2024: เคล็ดลับและกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ
ยกระดับการตลาดของคุณด้วยการทำงานอัตโนมัติ
Shopify คุณสามารถทำให้การทำงานทางการตลาดที่สำคัญ เช่น การดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย การส่งแคมเปญอีเมล การแบ่งกลุ่มลูกค้า และการวิเคราะห์ผลลัพธ์เป็นอัตโนมัติ
เนื่องจากงานศิลปะเป็นภาพ คุณจึงควรใส่ใจในรายละเอียดที่เล็กที่สุด ลงไปจนถึงวิธีการบรรจุและจัดส่งงานศิลปะของคุณ งานศิลปะที่มาถึงโดยไม่ได้รับความเสียหายถือเป็นขั้นต่ำที่สุด มอบประสบการณ์การแกะกล่องที่ตรงกับคุณภาพและความเอาใจใส่ที่คุณทุ่มเทให้กับงานของคุณให้กับลูกค้าของคุณ
เนื่องจากงานศิลปะอาจเปราะบาง โปรดปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่างานของคุณจะมาถึงอย่างปลอดภัย
การจัดส่งงานศิลปะด้วยตัวเอง
หากคุณกำลังจัดส่งงานศิลปะต้นฉบับ หรือเลือกที่จะจัดส่งภาพพิมพ์และผ้าใบด้วยตัวเอง แทนที่จะส่งผ่านบริษัทพิมพ์และจัดส่ง ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษในการบรรจุหีบห่อของคุณ ภาพพิมพ์และโปสเตอร์ขนาดใหญ่ควรจัดส่งในกระบอกกระดาษแข็ง ส่วนภาพพิมพ์ขนาดเล็กควรจัดส่งในซองกระดาษแข็ง
ใช้กระดาษแก้ว (กระดาษที่ทนน้ำและไขมัน) หรือซองเซลโลเฟนใสเพื่อปกป้องภาพพิมพ์ภายในบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่มีตราสินค้าเฉพาะ เช่น กระดาษทิชชู่หรือซองโพลีที่มีตราสินค้าหรือผลงานศิลปะของคุณ สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและปรับปรุงประสบการณ์ของพวกเขาที่มีต่อแบรนด์ของคุณ
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจำนวนมากบูรณาการกับผู้ให้บริการจัดส่งและแอปจัดส่งเพื่อช่วยให้คุณค้นหาอัตราการจัดส่งที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละตลาดและแพ็คเกจ พิจารณาว่าคุณจะเสนอการจัดส่งฟรีหรือไม่ และรวมค่าขนส่งเข้ากับราคาขายปลีกหรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคงที่เพื่อให้การจัดส่งโปร่งใส
การจัดส่งงานศิลปะต้นฉบับราคาแพงและขนาดใหญ่
งานใส่กรอบและผ้าใบต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มเติม ร้านจำหน่ายอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์มีวัสดุสำหรับการบรรจุหีบห่อและการจัดส่ง เช่น มุมกระดาษแข็งและกล่องขนาดพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงานศิลปะ
หากคุณกำลังส่งงานต้นฉบับไปยังแกลเลอรีหรือผู้สะสมงานศิลปะ มีวิธีต่างๆ ที่จะลดต้นทุนได้ “บางครั้งสิ่งที่เราทำคือคลี่ผ้าใบออก ม้วนในท่อ แล้วจัดส่งด้วยวิธีนั้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้อย่างมาก” เคนกล่าว “จากนั้นเราสามารถยืดผ้าใบในพื้นที่ได้”
ส่งงานศิลปะโดยตรงด้วยการพิมพ์ตามสั่ง
วิธีที่ง่ายที่สุดในการขายงานศิลปะออนไลน์คือการจ้างบริษัทพันธมิตรที่พิมพ์ตามสั่งเพื่อพิมพ์งาน จัดส่ง และจัดส่งทั้งหมด พวกเขาสามารถเข้าถึงอัตราค่าขนส่งที่ยอดเยี่ยมได้เนื่องจากปริมาณมากและเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการขนส่ง
การประกันการขนส่งสำหรับงานศิลปะ
การประกันมีความสำคัญเมื่อส่งงานต้นฉบับ เนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนแพ็คเกจที่สูญหายหรือเสียหายได้ ผู้ให้บริการขนส่งมาตรฐานหลายแห่งเสนอการประกันพื้นฐานสำหรับแพ็คเกจส่วนใหญ่ และหากคุณขายงานศิลปะของคุณ คุณควรพิจารณาค่าใช้จ่ายความคุ้มครองเพิ่มเติมและข้อจำกัดของข้อเสนอการประกันของผู้ให้บริการแต่ละราย
สำหรับงานราคาแพง ให้ลองใช้บริษัทขนส่งเอกชนหรือผู้ให้บริการขนส่งที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการงานศิลปะ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าก็ตาม
เรียนรู้เพิ่มเติม
วิธีส่งสินค้าให้ลูกค้า การจัดส่งออนไลน์ในปี 2024
14. ทำความเข้าใจเรื่องการลอกเลียนแบบและลิขสิทธิ์สำหรับศิลปิน
ทั้ง Maria และ Ken ต่างบอกว่าการลอกเลียนแบบและการลอกเลียนแบบเป็นความจริงอันน่าเศร้าของการทำธุรกิจ Maria ดำเนินคดีทางกฎหมายเพียงครั้งเดียว ก่อนที่จะเปลี่ยนมุมมองของเธอ
Maria มองว่าการลอกเลียนแบบของ Hatecopy เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเธอกำลังทำบางอย่างอยู่ “มันเป็นสัญญาณว่าฉันกำลังสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น และสิ่งที่ฉันทำนั้นถูกต้อง เพราะมิฉะนั้นพวกเขาจะไม่ลอกเลียนแบบฉัน” เธอกล่าว “ฉันไม่รู้สึกขุ่นเคืองหรือรำคาญกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว”
สำหรับแกลเลอรีที่เป็นตัวแทนศิลปินหลายคนและขายงานศิลปะออนไลน์ เว็บไซต์ลอกเลียนแบบเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง “น่าเสียดายที่เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการทำงานของโลก เราพยายามอย่างดีที่สุด แต่ก็เกิดขึ้นได้” Ken กล่าว
แม้ว่าการลอกเลียนแบบอาจเป็นเรื่องจริง แต่ศิลปินและธุรกิจต่างๆ ก็มีช่องทางทางกฎหมายและควรขอคำแนะนำจากทนายความด้านลิขสิทธิ์เพื่อช่วยปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ก่อนที่การละเมิดจะเกิดขึ้น
เริ่มขายงานศิลปะออนไลน์วันนี้
จิตรกรทำงานศิลปะในสตูดิโอของเขา สำหรับศิลปินหน้าใหม่หลายๆ คน วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้วิธีขายงานศิลปะออนไลน์คือการเริ่มต้นด้วยสิ่งที่คุณมี Cat เริ่มต้นธุรกิจศิลปะจากห้องนอนว่าง ไม่ว่าจะเป็นห้องใต้ดินหรือโต๊ะในครัว ก็สามารถใช้เป็นฐานวางรากฐานสำหรับธุรกิจของคุณได้
การคิดถึงตัวเองในฐานะผู้ประกอบการตั้งแต่เริ่มต้นจะเป็นสิ่งสำคัญต่อเส้นทางสู่การเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จ คุณอาจสะดุดล้มเมื่อต้องเรียนรู้ด้านธุรกิจในฐานะผู้สร้างสรรค์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ด้านธุรกิจจะช่วยให้คุณเติบโตและขยายธุรกิจการขายภาพวาดออนไลน์ได้ “คุณอาจรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจและศิลปะ” Maria กล่าว “แต่การผสมผสานทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันคือสิ่งที่สร้างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ”
ภาพประกอบโดย Pete Ryan
อ่านเพิ่มเติม
- วิธีการหาสินค้ามาขายออนไลน์
- 25 วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างรายได้จากที่บ้านในปี 2024
- คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับ Dropshipping (2024)
- วิธีสร้างเว็บไซต์ธุรกิจสำหรับผู้เริ่มต้น
- วิธีเริ่มต้นธุรกิจ Dropshipping - คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับปี 2024
- 17 วิธีในการรับผู้ติดตามบน Instagram มากขึ้น (2024)
- Shopify คืออะไรและใช้ยังไง
- วิธีเริ่มต้นการตลาดแบบพันธมิตรโดยไม่ต้องใช้เงิน
- วิธีขายของเล่นทางเพศออนไลน์ในปี 2024
- สร้างสปิริตสดใสกับเวิร์กช็อปของเจ้าของร้านคริสต์มาสทั้ง 7
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีขายงานศิลปะออนไลน์
เว็บไซต์ไหนดีที่สุดสำหรับการขายงานศิลปะ?
วิธีที่ดีที่สุดในการขายงานศิลปะออนไลน์คือการสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีแบรนด์ของคุณเอง โดยใช้แพลตฟอร์มอย่าง Shopify นอกจากนี้ คุณยังสามารถขายงานของคุณในตลาดงานฝีมือและงานศิลปะ เช่น Etsy หรือบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram และ Facebook Shops ทำความเข้าใจว่าลูกค้าเป้าหมายของคุณชอบซื้อของที่ไหนเพื่อค้นหาสถานที่ที่ดีที่สุดในการขายงานศิลปะของคุณออนไลน์
วิธีขายงานศิลปะออนไลน์ ต้องทำอย่างไร?
หากคุณเป็นศิลปินที่ต้องการเรียนรู้วิธีขายงานศิลปะของคุณออนไลน์ คุณสามารถเริ่มต้นได้ในไม่กี่ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
การขายงานศิลปะออนไลน์ทำกำไรได้หรือไม่
ทำได้ การขายงานศิลปะออนไลน์สามารถทำกำไรได้หากคุณโฟกัสที่ราคาและกลยุทธ์การตลาด การทำความเข้าใจต้นทุน รวมถึงวัสดุศิลปะ ค่าธรรมเนียมการขายอีคอมเมิร์ซหรือตลาดกลาง ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้คุณกำหนดราคาขายปลีกซึ่งรวมถึงอัตรากำไร เมื่อคุณเรียนรู้วิธีขายงานศิลปะออนไลน์แล้ว คุณจะสามารถสำรวจช่องทางต่างๆ มากมายที่จะช่วยให้ผลงานศิลปะของคุณไปถึงมือแฟนๆ ได้ การขายบนตลาดกลางจะช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้นและสร้างยอดขายได้มากขึ้น แต่ต้องระวังค่าธรรมเนียมที่อาจตัดกำไร
เราจะเริ่มต้นขายงานศิลปะออนไลน์ได้ยังไง?
การเรียนรู้วิธีขายงานศิลปะออนไลน์ เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจแบรนด์ของคุณและช่องทางที่เหมาะสมในการค้นหากลุ่มเป้าหมาย บ่อยครั้ง ร้านค้าออนไลน์ของคุณเองจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการขายงานศิลปะต้นฉบับ ราคาสำหรับงานศิลปะต้นฉบับจะสูงกว่ามาก ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องสร้างแฟนคลับให้กับผลงานของคุณ การกระจายช่องทางการขาย เช่น การทำงานกับแกลเลอรีออนไลน์ หรือเว็บไซต์อย่าง Fine Art America เพื่อขายภาพวาดออนไลน์ จะช่วยให้คุณขยายการรับรู้ของคุณในฐานะศิลปิน
งานศิลปะประเภทใดที่ขายได้มากที่สุด?
นี่เป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะงานศิลปะนั้นกว้างและขึ้นอยู่กับบุคคลมาก เมื่อคุณขายผลงานพิมพ์ มันอาจทำกำไรได้มาก เพราะคุณสามารถสร้างรายได้จากงานชิ้นเดียวได้อย่างต่อเนื่องด้วยราคาที่ถูกกว่า (เมื่อเทียบกับงานศิลปะต้นฉบับ) หมายความว่าคุณน่าจะขายได้มากขึ้น และคุณควรติดตามเทรนด์ของงานศิลปะและการออกแบบ เพื่อช่วยให้เข้าใจว่านักสะสมงานศิลปะและผู้ซื้อที่มีศักยภาพกำลังซื้ออะไร จากนั้นจึงทำงานร่วมกับศิลปินที่มีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จสูง ในฐานะผู้สร้างสรรค์ คุณควรเน้นที่สไตล์ที่คุณทำได้ดีที่สุดและสร้างผู้ติดตามจากตรงนั้น
เราสามารถร่วมงานกับแกลเลอรีเพื่อขายงานศิลปะได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถทำงานร่วมกับแกลเลอรีเพื่อขายงานศิลปะของคุณได้ แกลเลอรีทั้งแบบออนไลน์และแบบมีหน้าร้านมักมองหาผู้มีความสามารถใหม่ๆ เพื่อเป็นตัวแทน พวกเขาสามารถช่วยในการขายงานศิลปะออนไลน์หรือโปรโมตงานศิลปะต้นฉบับของคุณในนิทรรศการที่แกลเลอรี ศิลปินที่ประสบความสำเร็จหลายคนได้รับประโยชน์จากการแสดงผลงานในลักษณะนี้ ลองส่งอีเมลพร้อมลิงก์แสดงผลงานของคุณไปหาแกลเลอรี่แต่ละแห่งดู อย่างไรก็ตาม อย่าลืมตรวจสอบขั้นตอนการรับตัวอย่างงานของแกลเลอรี่แต่ละแห่งด้วย