Google Chrome เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่มีการใช้งานมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
มีโอกาสสูงที่คุณเองก็กำลังใช้ Chrome ในการจัดการธุรกิจหรือทำงานส่วนตัวอยู่เป็นประจำ แต่… คุณเคยลองใช้ Google Chrome Extension เข้ามาเป็นตัวช่วยให้ทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพขึ้นมั้ย?
Chrome Web Store มี Extension ให้เลือกมากกว่า 130,000 รายการ และส่วนใหญ่ติดตั้งได้ฟรี ทำให้หลายคนอาจมองข้ามเครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น จริงๆ แล้วโปรแกรมพวกนี้ไม่ใช่แค่สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่รวมถึงการบริหารร้านค้าและธุรกิจด้วย
ด้านล่างนี้คือ 51 Chrome Extension ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก ซึ่งจริงๆ แล้วเครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยให้การทำงานและการใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สารบัญลัด
การตลาดอัจฉริยะ
1. Utm.io
Utm.io เป็นเครื่องมือการตลาดที่ช่วยเพิ่มพารามิเตอร์ UTM ให้กับ URL และจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของลิงก์ที่ติดตามอยู่ คุณสามารถสร้างและใช้เทมเพลตเพื่อกรอกพารามิเตอร์อัตโนมัติตามบริบท เช่น จดหมายข่าวรายเดือน
การติดตามแคมเปญการตลาดด้วยพารามิเตอร์ UTM อาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการระบุแหล่งที่มาของยอดขายจากโฆษณา แคมเปญ และทราฟฟิกแต่ละช่องทาง
เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่มักใช้สเปรดชีตหรือ Google Analytics ในการติดตามพารามิเตอร์ UTM ชื่อที่ใช้ และ URL ต่างๆ แต่ UTM.io ช่วยให้การจัดการเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทำงานเป็นทีม
ข้อดี
- อินเทอร์เฟซใช้งานง่ายสำหรับสร้าง UTM
- ประหยัดเวลาผ่านเทมเพลตและการสร้างแบบเป็นชุด
- ระบบกรอกอัตโนมัติและแท็กที่เป็นระเบียบช่วยให้จัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น
ข้อเสีย
- แพลนฟรีมีข้อจำกัดเกี่ยวกับเทมเพลตและโดเมนย่อ
2. vidIQ Vision
Chrome Extension สำหรับเจ้าของร้าน VidIQ Vision เป็นส่วนเสริมที่ควรมีหากกลยุทธ์การตลาดของคุณเกี่ยวข้องกับ YouTube ไม่ว่าจะเป็นการสร้างช่องให้เติบโต หรือทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์และพาร์ทเนอร์
Chrome Extension นี้ช่วยให้คุณเข้าถึงสถิติโดยละเอียดของวิดีโอและช่อง YouTube ที่คุณกำลังรับชม รวมถึงข้อมูลด้าน SEO การมีส่วนร่วมเมื่อเทียบกับวิดีโออื่นๆ บนแพลตฟอร์ม และการโปรโมตบนแพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook และ Reddit
ข้อดี
- ข้อมูลเชิงลึกด้าน SEO ฟรี
- ปรับแต่งวิดีโอให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
- เครื่องมือวิเคราะห์คู่แข่ง
- อินเทอร์เฟซใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่
ข้อเสีย
- ฟีเจอร์บางอย่างจำกัดในเวอร์ชันฟรี
3. Buffer
Buffer เป็นเครื่องมือจัดการโซเชียลมีเดียที่ช่วยให้คุณตั้งเวลาโพสต์บนแพลตฟอร์มหลักทั้งหมดได้ง่ายๆ พร้อมดึง URL และสื่อจากหน้าที่คุณกำลังใช้งานโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาคัดลอกและวางลิงก์ทีละโพสต์
หนึ่งในเทคนิคที่ผู้จัดการโซเชียลมีเดียใช้กันคือการกันเวลา 30 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าสำหรับสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ข้างหน้า
Chrome Extension ของ Buffer ทำให้การจัดตารางโพสต์เป็นเรื่องง่าย โดยช่วยดึงลิงก์และเนื้อหาจากหน้าที่กำลังเปิดอยู่ พร้อมตั้งเวลาโพสต์ให้เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ
ข้อดี
- แชร์และตั้งเวลาโพสต์บนโซเชียลมีเดียได้สะดวก
- จัดการบัญชีโซเชียลหลายบัญชีได้ในที่เดียว
- มีระบบวิเคราะห์และติดตามผลอย่างละเอียด
- ใช้งานได้บนอุปกรณ์มือถือ
ข้อเสีย
- ต้องสมัครบัญชี Buffer
- แพลนฟรีมีข้อจำกัด
การติดต่อและการขาย
4. Lusha
Lusha ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลของบริษัท รวมถึงรายชื่อพนักงานและข้อมูลติดต่อ ขณะท่องเว็บบน LinkedIn หรือเว็บไซต์ของบริษัทนั้น
แม้ว่าจะมี Chrome Extension อื่นที่ทำงานลักษณะเดียวกัน แต่ Lusha โดดเด่นเรื่องความง่ายในการใช้งาน และให้โปรไฟล์ของผู้ติดต่อที่ละเอียดกว่า
ไม่ว่าจะใช้เพื่อติดต่อผู้ซื้อในกลุ่ม B2B หรือมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เครื่องมือนี้ช่วยให้การหาข้อมูลและบันทึกข้อมูลบริษัทเป็นเรื่องง่ายขึ้นในทันที
แพลนฟรีให้เครดิต 5 ครั้งต่อเดือน สำหรับปลดล็อกข้อมูลติดต่อ เช่น อีเมลและเบอร์โทรศัพท์ ของบุคคลในตำแหน่งเฉพาะภายในบริษัท
ข้อดี
- ขึ้นชื่อเรื่องข้อมูลที่แม่นยำ
- ใช้งานง่ายและเชื่อมต่อกับ LinkedIn Navigator ได้
- ประหยัดเวลาค้นหาข้อมูลติดต่อ
ข้อเสีย
- ต้องใช้แพลนแบบชำระเงินเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์สำหรับทีม
- อาจไม่สามารถดึงข้อมูลที่ต้องการได้ทุกครั้ง
5. Calendly
Calendly มี Chrome Extension ที่เพิ่มปุ่มลงใน Gmail ข้อความ LinkedIn และแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่คุณมักต้องใช้เพื่อนัดหมาย
ไม่ต้องเสียเวลาส่งข้อความไปมาเพื่อนัดวัน เพียงส่งลิงก์ Calendly ให้ลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์เลือกเวลาที่สะดวกได้เอง ช่วยลดปัญหาการแจ้งวันเวลานัดที่ซับซ้อน เช่น “พุธ พฤหัส หรือศุกร์ ช่วง 8-11 โมงเช้า”
ข้อดี
- ช่วยให้การนัดหมายเป็นเรื่องง่ายสำหรับทั้งสองฝ่าย
- เป็น Chrome Extension สำหรับเจ้าของร้านที่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- สร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน
ข้อเสีย
- มีฟีเจอร์ไม่ครบเท่ากับการใช้งานผ่านเว็บแอปของ Calendly
6. tl;dv
tl;dv หรือ too long; didn’t view เป็น Chrome Extension ที่ช่วยแก้ปัญหาการมีประชุมมากเกินไปและต้องเลือกระหว่างการจดบันทึกหรือให้ความสนใจในการประชุม
เครื่องมือนี้ใช้งานร่วมกับ Zoom และ Google Meet ได้ เพียงกด Record ระบบจะเชิญ tl;dv เข้าร่วมประชุม พร้อมปุ่มให้กดบันทึกช่วงเวลาสำคัญที่ต้องการกลับมาทบทวนภายหลัง หลังจากจบการประชุม ระบบจะส่งบันทึกการประชุมให้ทุกคนที่เข้าร่วม (ในแพลนชำระเงินสามารถเลือกได้ว่าใครจะได้รับ) และมีการสร้างข้อความถอดเสียงอัตโนมัติ
ข้อดี
- เหมาะสำหรับบันทึกการประชุม
- มีระบบถอดเสียงที่แม่นยำ รองรับกว่า 25 ภาษา
- แพลนฟรีรองรับการบันทึกแบบไม่จำกัด
- เชื่อมต่อกับ Zoom, Google Meet และ Microsoft Teams ได้อย่างราบรื่น
ข้อเสีย
- ไม่มีฟีเจอร์การทำงานร่วมกัน
- ไม่รองรับการบันทึกหน้าจอ
- ต้องใช้เครื่องมืออื่นในการจัดเก็บไฟล์
7. Loom
Loom Loom เป็น Chrome Extension สำหรับบันทึกวิดีโอหน้าจอที่ใช้งานฟรี ช่วยให้คุณบันทึกหน้าจอ บรรยาย และแชร์วิดีโอได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการตัดต่อวิดีโอฟรี แต่ก็มีฟีเจอร์ที่สะดวกครบครัน
สามารถเลือกบันทึกเฉพาะแท็บที่ใช้งาน หรือทั้งหน้าจอ พร้อมตัวเลือกให้แสดงวิดีโอใบหน้าผู้พูดผ่านเว็บแคม แชร์วิดีโอได้ทันที และยังสามารถตั้งรหัสผ่านเพื่อจำกัดการเข้าถึงได้
ข้อดี
- ใช้งานง่ายและสะดวก
- มีระบบจัดเก็บวิดีโอให้เป็นระเบียบ
- แพลนฟรีรองรับการบันทึกพื้นฐานได้ดี
ข้อเสีย
- มีฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโอจำกัด
- แพลนฟรีมีข้อจำกัดด้านพื้นที่จัดเก็บ
8. Streak CRM
Streak CRM เปลี่ยนกล่องจดหมาย Gmail ของคุณให้กลายเป็นระบบ CRM พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เทมเพลตอีเมล ระบบอัตโนมัติ การแจ้งเตือน และการติดตามการเปิดและคลิกลิงก์ในอีเมล
นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณสร้างและจัดการกระบวนการขาย การประชาสัมพันธ์ หรือการติดต่อกับนักลงทุนได้ง่ายขึ้น ด้วยฟีเจอร์ mail merge และเทมเพลตที่ช่วยประหยัดเวลา
เมื่อนำมาใช้ร่วมกับ Chrome Extension อย่าง Lusha คุณสามารถค้นหาอีเมลของผู้ติดต่อสำคัญได้ง่ายขึ้น เปลี่ยนกล่องจดหมายธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือขายที่ทรงพลัง
ข้อดี
- ใช้งานง่ายและทำงานภายในบัญชี Gmail
- ติดตามสถานะการเปิดและคลิกอีเมลได้
- ช่วยจัดการกระบวนการขายและงานให้เป็นระบบมากขึ้น
ข้อเสีย
- ฟีเจอร์ CRM ขั้นสูงมีจำกัด
- แอปบนมือถือมีข้อจำกัดในการใช้งาน
- ฟีเจอร์การทำงานร่วมกันยังไม่ครอบคลุม
การจัดการธุรกิจ
9. Scribe
Scribe เป็น Chrome Extension สำหรับเจ้าของร้านที่ช่วยให้คุณบันทึกขั้นตอนการทำงาน เพียงกด Record แล้วทำงานตามปกติ ระบบจะสร้างคู่มือและเอกสารขั้นตอนโดยอัตโนมัติ
การถ่ายทอดกระบวนการทำงานเป็นสิ่งสำคัญเมื่อธุรกิจเติบโต แต่การต้องอธิบายขั้นตอนซ้ำๆ ทุกครั้งให้กับพนักงานใหม่อาจเป็นเรื่องน่าเบื่อ การมีเอกสารที่ช่วยให้เรียนรู้ด้วยตัวเองจะช่วยลดภาระนี้
การบันทึกขั้นตอนอาจเป็นงานที่ต้องทำเพียงครั้งเดียวเพื่อประหยัดเวลาในระยะยาว และ Scribe ทำให้ขั้นตอนนี้ง่ายขึ้นโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม ทำให้การถ่ายโอนงานที่ซับซ้อนเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ข้อดี
- สร้างเอกสารขั้นตอนการทำงานได้ง่ายและรวดเร็วด้วย AI
- เพิ่มองค์ประกอบส่วนตัว เช่น การใส่แบรนด์และคำอธิบายในวิดีโอ
- แชร์วิดีโอและเอกสารได้สะดวก
ข้อเสีย
- เครื่องมือ AI และการปรับแต่งอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้
- ต้องใช้แพลนชำระเงินเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูง
10. Bardeen
Chrome Extension สำหรับเจ้าของร้าน Bardeen เป็นระบบอัตโนมัติที่ช่วยให้คุณตั้งค่าและดำเนินกระบวนการต่างๆ ในเบราว์เซอร์ได้อัตโนมัติ
การทำงานแบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสามารถลดเวลาทำงานจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่วินาที และช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้เองโดยไม่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของคุณตลอดเวลา
แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ Bardeen กำลังขยายการเชื่อมต่อกับเครื่องมือต่างๆ ได้มากขึ้น ด้วยปริมาณงานที่ต้องทำผ่าน Chrome การมีระบบอัตโนมัติที่ช่วยลดขั้นตอนซ้ำๆ จึงช่วยประหยัดเวลาได้มาก โดยเฉพาะงานที่ต้องป้อนข้อมูลด้วยตนเอง
Bardeen มีฟีเจอร์หลัก เช่น
- Auto Books: รันคำสั่งที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า
- Playbooks: ตั้งค่าให้ระบบทำงานอัตโนมัติตามเหตุการณ์หรือกำหนดเวลา
- Scrapers: ดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ไปยังฐานข้อมูลของคุณอัตโนมัติ
ข้อดี
- เป็น Chrome Extension ช่วยลดงานที่ซ้ำซ้อนด้วยระบบอัตโนมัติ
- รองรับการใช้งานที่หลากหลาย
- ใช้งานง่าย
ข้อเสีย
- ควบคุมกระบวนการอัตโนมัติที่ซับซ้อนได้จำกัด
การค้นคว้าและวิเคราะห์
11. Similarweb
Similarweb เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณวิเคราะห์เว็บไซต์ของคู่แข่งและเข้าใจกลยุทธ์การตลาดผ่านข้อมูลทราฟฟิก
เพียงคลิกที่ Extension ขณะอยู่บนเว็บไซต์ ระบบจะแสดงรายงานสรุป เช่น แหล่งที่มาของทราฟฟิก การกระจายตามภูมิศาสตร์ จำนวนผู้เข้าชมโดยประมาณในช่วงเวลาต่างๆ และข้อมูลการมีส่วนร่วม
ข้อมูลของ Similarweb มาจากแหล่งต่างๆ เช่น เจ้าของเว็บไซต์โดยตรง พาร์ทเนอร์ และแหล่งข้อมูลสาธารณะ แม้ว่าจะเป็นการประมาณค่า แต่ก็มีความแม่นยำเพียงพอสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจ
ข้อดี
- ดูข้อมูลทราฟฟิกของเว็บไซต์ได้ฟรี
- วิเคราะห์คู่แข่งได้ง่าย
- ประเมินปริมาณทราฟฟิกโดยรวมของเว็บไซต์ได้
ข้อเสีย
- ข้อมูลมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับแพลนแบบชำระเงิน
- ไม่มีข้อมูลแบบเรียลไทม์
12. Wappalyzer
Wappalyzer เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณดูว่าเว็บไซต์ใช้เทคโนโลยีอะไร ตั้งแต่ระบบติดตามพิกเซล แอป Shopify ไปจนถึงระบบชำระเงิน
แม้ว่าอาจไม่สามารถแสดงรายละเอียดทุกอย่าง แต่ความแม่นยำของข้อมูลถือว่าดีมาก
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์ คุณอาจสงสัยว่าเว็บไซต์อื่นๆ ใช้เทคโนโลยีอะไร เช่น ระบบสร้างเว็บไซต์ แอปที่ติดตั้ง และเครื่องมือการตลาดผ่านอีเมล Wappalyzer ให้คุณตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายๆ ในคลิกเดียว พร้อมเปิดโอกาสให้นำเครื่องมือเหล่านั้นมาใช้กับร้านค้าของคุณเอง
ข้อดี
- ใช้งานง่ายและรวดเร็ว
- ขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำ
- บริการลูกค้าดีเยี่ยม
ข้อเสีย
- ไม่สามารถดูรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับการตั้งค่า
- ไม่เหมาะสำหรับการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์แบบเรียลไทม์
13. Ad Library
Ad Library เป็น Chrome Extension สำหรับเจ้าของร้านที่ช่วยให้คุณค้นหาโฆษณาที่กำลังรันอยู่บน Facebook ได้อย่างรวดเร็ว โดยค้นหาจากชื่อเพจหรือคีย์เวิร์ด และบันทึกโฆษณาที่สนใจไว้ในคอลเลกชันส่วนตัว
Meta Ad Library ให้ความโปร่งใสด้านโฆษณาและเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าทั้งในแง่ของการวิเคราะห์คู่แข่งและการหาไอเดียใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม การใช้งานอาจไม่ค่อยสะดวกนัก Ad Library จึงเข้ามาช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นเรื่องง่ายขึ้น
หากใช้งาน อย่าลืมปิดตัวบล็อกโฆษณาก่อน
ข้อดี
- ช่วยให้ดูตัวอย่างโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Meta ได้สะดวก
- เปรียบเทียบโฆษณาจากเพจที่เกี่ยวข้องได้
- ติดตามเพจและโฆษณาที่สนใจได้ง่าย
ข้อเสีย
- ไม่ใช่เครื่องมืออย่างเป็นทางการจาก Meta
การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
14. Workona
Workona เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ออกแบบมาสำหรับคนที่เปิดแท็บ Chrome เป็นสิบๆ แท็บตลอดเวลา แม้ว่า Chrome จะมีฟีเจอร์กลุ่มแท็บในตัว และมี Extension อื่นที่ช่วยจัดการแท็บได้ แต่ Workona ทำได้อย่างเป็นระเบียบและใช้งานง่ายกว่า
เครื่องมือนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องสลับการทำงานระหว่างโปรเจ็กต์หรือธุรกิจต่างๆ บน Chrome สามารถสร้าง Workspaces ที่รวมลิงก์สำคัญ รายการงานที่ต้องทำ และแท็บที่ต้องการกลับมาเปิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ Workona ยังรองรับการเชื่อมต่อกับเครื่องมือยอดนิยม เช่น Notion, Airtable และ Google Drive รวมถึงมีระบบ universal search ที่ช่วยค้นหาข้อมูลใน workspace ของคุณได้ง่ายขึ้น
ข้อดี
- ช่วยจัดการแท็บให้เป็นระเบียบและเพิ่มสมาธิในการทำงาน
- ค้นหาแท็บที่เปิดอยู่ในแต่ละ workspace ได้สะดวก
- บันทึกและสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
- รองรับการเชื่อมต่อกับเครื่องมือธุรกิจยอดนิยม
ข้อเสีย
- ต้องสมัครบัญชีเพื่อใช้งาน
- เวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัดบางอย่าง
15. BlockSite
BlockSite เป็นส่วนขยาย Chrome ที่ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น โดยบล็อกเว็บไซต์ที่ทำให้เสียสมาธิ
หากคุณตั้งใจทำงานแต่เผลอเข้าเว็บอื่นอยู่เสมอ (เช่น Reddit, Twitter, YouTube, Facebook) คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้แทนการพึ่งพาแค่ความตั้งใจของตัวเอง
ในเวอร์ชันฟรี BlockSite อนุญาตให้เพิ่มเว็บไซต์ที่ต้องการบล็อกได้ 3 แห่ง และตั้งตัวจับเวลาเพื่อกำหนดช่วงเวลาทำงาน ซึ่งเพียงพอสำหรับช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น
ข้อดี
- บล็อกเว็บไซต์และ iframe ได้
- ตั้งค่ารายการบล็อกเองได้
- ป้องกันการปิดการทำงานด้วยรหัสผ่าน
- มีโหมด Focus Mode
- ปกป้องข้อมูลการใช้งาน
ข้อเสีย
- ต้องให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น คุกกี้และประวัติการเข้าชม
16. Momentum
Momentum เป็นแอปจัดการเวลา ที่เปลี่ยนแท็บใหม่ใน Chrome ให้กลายเป็นหน้า Momentum ซึ่งช่วยเตือนเป้าหมายหลักของวัน สร้างแรงบันดาลใจ และช่วยให้คุณจัดการรายการงานที่ต้องทำ รวมถึงบันทึกลิงก์สำคัญได้ง่ายขึ้น
แท็บใหม่ใน Chrome เป็นหน้าที่หลายคนเปิดบ่อยที่สุดระหว่างการใช้งานอินเทอร์เน็ต ดังนั้นการใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นเครื่องเตือนใจเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณจึงช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนเสริมนี้ใช้งานฟรี แต่เวอร์ชันชำระเงินจะปลดล็อกฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น Focus Mode และตัวจับเวลา
ข้อดี
- ช่วยให้โฟกัสกับงานที่ต้องทำในแต่ละวัน
- คำคมและภาพพื้นหลังช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
- แอปจัดการงานที่ใช้งานง่าย
ข้อเสีย
- ตัวเลือกดีไซน์และเลย์เอาต์ค่อนข้างจำกัด
17. Readme
Readme เป็นส่วนขยาย Chrome สำหรับเจ้าของร้านที่ช่วยอ่านข้อความจากอีเมล บทความ PDF และอื่นๆ ให้คุณฟัง พร้อมไฮไลต์ตำแหน่งที่กำลังอ่านและเลื่อนหน้าจออัตโนมัติ
คุณสามารถทำงานอย่างอื่นไปพร้อมกับการฟังเนื้อหาที่ยาวได้ หรือใช้ฟีเจอร์อ่านออกเสียงเพื่อตรวจสอบเนื้อหาที่เขียนไว้ หากมีข้อผิดพลาดหรือข้อความที่อ่านแล้วรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณแก้ไขได้ง่ายขึ้น
Readme รองรับเสียงและภาษาหลากหลาย พร้อมตัวเลือกปรับขนาดตัวอักษรและความเร็วในการอ่านให้เหมาะกับความต้องการของคุณ
ข้อดี
- อ่านเนื้อหาต่างๆ จากเว็บได้สะดวก
- ใช้งานง่าย
- ปรับระดับเสียง ความเร็ว น้ำเสียง และประเภทเสียงได้
- รองรับหลายภาษา
ข้อเสีย
- ไม่รองรับไฟล์บางประเภทที่ใช้กันทั่วไป
18. Liner
Liner ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของร้านเข้าถึงข้อมูลคุณภาพท่ามกลางเนื้อหาจำนวนมากบนเว็บ โดยอ้างอิงจากการโหวตของผู้ใช้กว่า 9 ล้านคน
Chrome Extension นี้ช่วยปรับประสบการณ์การท่องเว็บหลายด้าน เช่น แสดงแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด ในผลการค้นหาของ Google, แนะนำบทความที่เกี่ยวข้องในหน้าแท็บใหม่, และให้คุณไฮไลต์ข้อความสำคัญจากบทความที่อ่านเพื่อบันทึกลง Liner Library นอกจากนี้ยังสามารถไฮไลต์ช่วงสำคัญของวิดีโอบน YouTube ได้ด้วย
ข้อดี
- ผู้ช่วย ChatGPT ช่วยค้นหาและทำความเข้าใจเนื้อหา
- ไฮไลต์ข้อความจากเว็บได้ง่าย
- คัดสรรคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ
- ใช้งานฟรีและสะดวก
ข้อเสีย
- ฟีเจอร์หลักหลายอย่างอิงกับ ChatGPT
- ควรพิจารณาเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ใช้งานผ่าน Liner และ OpenAI
19. Pocket
ส่วนขยาย Chrome Pocket ช่วยให้คุณบันทึกบทความและหน้าเว็บ ที่พบระหว่างการท่องอินเทอร์เน็ต เพียงคลิกขวาแล้วเลือก Save to Pocket จากนั้นสามารถกลับมาอ่านภายหลังในแอป Pocket ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การอ่านที่สบายตา
ในฐานะผู้ประกอบการ การเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ แต่บางครั้งคุณอาจพบบทความที่น่าสนใจในช่วงเวลาที่ไม่สะดวกอ่านทันที การคั่นหน้าหรือบุ๊กมาร์กอาจช่วยได้ แต่สุดท้ายกลับมีลิงก์สะสมเยอะจนลืม Pocket ช่วยให้คุณจัดการเนื้อหาที่ต้องการอ่านได้ง่ายขึ้น
เหมาะสำหรับคนที่กันเวลาสำหรับการเรียนรู้ เช่น อ่านบทความ 30 นาทีทุกเช้า ขณะรับประทานอาหารหรือนั่งรถโดยสาร Pocket จะแสดงรายการบทความที่คุณบันทึกไว้ สามารถติดแท็กเพื่อจัดหมวดหมู่ และดูได้ว่าอ่านจบแล้วหรือยัง
ข้อดี
- บันทึกบทความและหน้าเว็บไว้สำหรับอ่านภายหลัง
- ซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ได้
- อินเทอร์เฟซอ่านง่ายและสะอาดตา
- รองรับการอ่านแบบออฟไลน์
ข้อเสีย
- ตัวเลือกการแชร์เนื้อหายังมีจำกัดในแอป
20. Evernote Web Clipper
ส่วนขยาย Evernote Web Clipper ช่วยให้เจ้าของร้านอย่างคุณบันทึกและจัดระเบียบเนื้อหาจากเว็บไปยังบัญชี Evernote ได้โดยตรง เพื่อใช้อ้างอิงหรือใช้งานภายหลัง สามารถไฮไลต์ข้อความ เพิ่มบันทึก หรือวาดลงบนเนื้อหาที่บันทึกไว้ได้
จัดการคลิปของคุณได้ง่ายขึ้นด้วยการเพิ่มแท็ก จัดเก็บในโน้ตบุ๊ก หรือเปลี่ยนชื่อไฟล์ให้เหมาะสม ทำให้ค้นหาและจัดหมวดหมู่ข้อมูลที่บันทึกไว้ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังสามารถซิงก์เนื้อหาที่บันทึกไว้ข้ามอุปกรณ์ ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่
หากต้องอ่านและเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เป็นประจำ Web Clipper จะช่วยให้การจัดเก็บและติดตามข้อมูลสำคัญเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ข้อดี
- บันทึกเนื้อหาได้สะดวก
- จัดรูปแบบให้ดูสะอาดตา
- ใช้งานได้ข้ามแพลตฟอร์ม
- มีตัวเลือกการบันทึกหลายแบบ
ข้อเสีย
- แพลนฟรีมีข้อจำกัด
- ส่งออกคลิปไปแพลตฟอร์มอื่นได้ยาก
- มีตัวเลือกปรับแต่งการบันทึกและรูปแบบจำกัด
21. Full Page Screenshot
ไม่ว่าคุณจะต้องการบันทึกแรงบันดาลใจด้านดีไซน์ เอกสารงานวิจัย หรือแคปหน้าจอของโปรเจ็กต์ที่เสร็จสมบูรณ์ บางครั้งการบันทึกและแชร์เนื้อหาบนเว็บก็เป็นสิ่งจำเป็น
Full Page Screenshot เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณจับภาพหน้าเว็บทั้งหน้าในรูปเดียว เพียงคลิกที่ไอคอน Extension บนแถบเครื่องมือ แล้วเลือก Capture Entire Page ระบบจะจัดการให้ทั้งหมด
ข้อดี
- ประหยัดเวลามากกว่าการแคปหน้าจอทีละส่วน
- ดาวน์โหลดได้หลายรูปแบบ เช่น PNG และ JPG
- เป็น Extension พื้นฐานที่ใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
ข้อเสีย
- ไม่มีเครื่องมือแก้ไขภาพ
22. Todoist
Todoist เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณบันทึก จัดระเบียบ และจัดลำดับความสำคัญของงานได้โดยตรงจากเบราว์เซอร์ เหมาะสำหรับติดตามงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ชีวิตประจำวัน หรือโปรเจ็กต์ต่างๆ
คุณสามารถเพิ่มงานหรือการแจ้งเตือนลงในบัญชี Todoist ได้จากทุกหน้าเว็บ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดงานสำคัญหรือกำหนดเวลาส่งงาน นอกจากนี้ยังสามารถจัดกลุ่มงานเป็นโปรเจ็กต์ และกำหนดลำดับความสำคัญผ่านป้ายกำกับ วันครบกำหนด และระดับความสำคัญ
ข้อดี
- ช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้น
- ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย ทำงานได้เร็ว
- ใช้งานง่าย
- ซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ได้
ข้อเสีย
- แพลนฟรีมีข้อจำกัดบางอย่าง
- ต้องสมัครบัญชีก่อนใช้งาน
- ไม่สามารถใช้แทนปฏิทินได้
23. OneTab
หลายคนอาจเคยเจอสถานการณ์ที่เปิดแท็บ Chrome จำนวนมากจนหาข้อมูลไม่เจอ OneTab ช่วยแก้ปัญหานี้ได้
ด้วย OneTab คุณสามารถรวมทุกแท็บที่เปิดอยู่ให้กลายเป็นลิสต์เดียวที่เข้าถึงได้ง่าย เพียงคลิกเดียว ลดการใช้หน่วยความจำของเบราว์เซอร์ ช่วยให้ระบบทำงานได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถจัดกลุ่มแท็บที่บันทึกไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้เรียกดูและจัดการข้อมูลได้สะดวกขึ้นตามโปรเจ็กต์หรืองานต่างๆ
ข้อดี
- จัดระเบียบหน้าต่างเบราว์เซอร์ให้เป็นระเบียบ
- กู้คืนแท็บที่ซ่อนไว้ได้ง่าย
- เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
ข้อเสีย
- อาจเกิดการสูญเสียข้อมูลได้ในบางกรณี
การเขียนให้เร็วขึ้น
24. Grammarly
Grammarly Grammarly เป็นส่วนเสริมของ Chrome ที่ช่วยตรวจสอบไวยากรณ์และสะกดคำแบบเรียลไทม์ ใช้งานได้เกือบทุกที่ที่คุณพิมพ์ เช่น อีเมล เอกสารใน Google Docs โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และความคิดเห็นบนเว็บไซต์ต่างๆ
เครื่องมือนี้ช่วยลดความผิดพลาด เช่น คำผิด ประโยคที่อ่านไม่ลื่น หรือข้อความที่ยาวเกินไป ช่วยให้การเขียนมีความชัดเจนและเป็นมืออาชีพมากขึ้น
Grammarly มีเวอร์ชันฟรีสำหรับการตรวจสอบพื้นฐาน ส่วนเวอร์ชันพรีเมียมมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น กฎสไตล์การเขียนและคำแนะนำขั้นสูง
ข้อดี
- ตรวจจับคำผิด ไวยากรณ์ และเครื่องหมายวรรคตอนได้ดี
- ช่วยพัฒนาสไตล์การเขียน
- ให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์
- ปรับแต่งเป้าหมายของข้อความได้
ข้อเสีย
- เวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัด
- อาจมีข้อผิดพลาดขณะใช้งานใน Google Docs
- AI อาจให้คำแนะนำที่ไม่ถูกต้องเสมอ
25. Wordtune
Wordtune เป็นส่วนเสริมของ Chrome ที่ช่วยปรับแต่งประโยคให้อ่านลื่นไหลยิ่งขึ้น แตกต่างจาก Grammarly ที่เน้นการตรวจคำผิดและไวยากรณ์ Wordtune เปรียบเสมือนผู้ช่วยด้านการเขียนที่ช่วยให้สื่อสารได้ดีขึ้น
บางครั้งคุณอาจรู้ว่าต้องการจะสื่ออะไร แต่ยังไม่มั่นใจในรูปประโยค Wordtune สามารถสร้างตัวเลือกประโยคหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือกใช้ หรือแม้แต่เขียนย่อหน้าหรือบทความใหม่ทั้งหมด
หากกังวลเรื่องการเขียนอีเมลหรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เพียงพิมพ์ข้อความตามที่ต้องการ แล้วให้ Wordtune ช่วยจัดรูปแบบให้เหมาะสม สามารถเลือกโทนการเขียนได้ทั้งแบบเป็นกันเองหรือเป็นทางการ และยังปรับให้กระชับหรือขยายความได้ตามต้องการ
เวอร์ชันฟรีให้สิทธิ์ใช้ Rewrite ได้ 10 ครั้งต่อวัน หากต้องการใช้แบบไม่จำกัด สามารถอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบชำระเงิน นอกจากนี้ยังมี Wordtune Summarizer สำหรับสรุปเนื้อหายาวๆ ให้อ่านง่ายขึ้น
ข้อดี
- ช่วยให้ข้อความกระชับและชัดเจนขึ้น
- ใช้งานง่าย
- รองรับการทำงานใน Google Docs
ข้อเสีย
- บางครั้งให้คำแนะนำที่อ่านไม่เป็นธรรมชาติ
- ค่าใช้จ่ายสำหรับเวอร์ชันพรีเมียมค่อนข้างสูง
26. Text Blaze
Text Blaze เป็นเครื่องมือช่วยขยายข้อความที่มีความสามารถมากกว่าตัวเลือกทั่วไป
จุดเด่นของ Chrome Extension คือสามารถใช้งานได้ในหลายแพลตฟอร์ม ตราบใดที่เปิดผ่านเบราว์เซอร์ Chrome และนี่คือสิ่งที่ทำให้ Text Blaze ทรงพลังมาก
เพียงกด Shift + CMD + Space (บน Mac) แล้วพิมพ์คำสั่งลัดเพื่อแทรกข้อความหรือเทมเพลตที่ต้องการได้ทันที
Text Blaze มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น เครื่องคิดเลขและฟอร์มที่ช่วยให้คุณใส่ตัวแปรเฉพาะ (เช่น ชื่อบริษัทหรือรายได้ต่อเดือน) และนำไปใช้คำนวณหรือปรับข้อความให้อัตโนมัติ
ฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น conditional logic มีเฉพาะในเวอร์ชันชำระเงิน แต่แพลนฟรีก็ยังช่วยลดงานซ้ำซ้อนได้มาก โดยเฉพาะหากต้องส่งข้อความเดิมซ้ำๆ คำนวณตัวเลขเอง หรือค้นหาวันที่อยู่บ่อยๆ
ข้อดี
- ใช้งานได้กับ Gmail, Docs, LinkedIn และแพลตฟอร์มอื่นๆ
- ประหยัดเวลา ลดการพิมพ์ซ้ำๆ หลายชั่วโมงต่อเดือน
- รองรับเทมเพลตแบบปรับแต่งได้
- ราคาจับต้องได้
ข้อเสีย
- เทมเพลตคำสั่งมีข้อจำกัดในแพลนฟรี
- ต้องใช้เวอร์ชันชำระเงินเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมด
- ไม่ใช่เครื่องมือช่วยตรวจไวยากรณ์
27. Merlin
Merlin เป็น Chrome Extension ที่ให้คุณเข้าถึงโมเดล AI ขั้นสูง เช่น GPT-4, Claude 3 และ Llama 2 ได้โดยตรงจากเบราว์เซอร์ Chrome เหมือนเป็นผู้ช่วย AI ส่วนตัวที่ช่วยเขียนอีเมล ทวีต หรือโค้ด รวมถึงค้นหาข้อมูลจากเครื่องมืออย่าง Google, Bing และ Baidu
หลังจากติดตั้งแล้ว คุณสามารถเปิด Merlin AI Chatbot บนหน้าเว็บใดก็ได้ด้วยคีย์ลัด CTRL/CMD + M หรือใช้ปุ่ม Merlin ที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น LinkedIn และ Gmail
ข้อดี
- รองรับการใช้งานร่วมกับ Gmail, Google Docs และโซเชียลมีเดีย
- ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- ให้คำแนะนำและฟีดแบ็กแบบเรียลไทม์
- ช่วยปรับปรุงคุณภาพการเขียนด้วย AI
- ใช้งานได้ทุกประเทศ
ข้อเสีย
- คำแนะนำจาก AI อาจไม่แม่นยำเสมอไป
- เวอร์ชันฟรีจำกัดการใช้งานที่ 102 ครั้งต่อวัน
28. Perplexity
Perplexity เป็นเสิร์ชเอนจินที่ใช้ AI ในการสรุปผลการค้นหา พร้อมอ้างอิงแหล่งข้อมูล ก่อตั้งโดยอดีตนักวิจัยจาก OpenAI และ Meta กำลังได้รับความสนใจในวงการเทคโนโลยี
ระบบนี้ทำงานโดยใช้โมเดล GPT-4, Claude 3, Mistral Large และโมเดล AI ที่พัฒนาโดย Perplexity เอง ช่วยให้การค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนหรือเปิดกว้างเป็นเรื่องง่ายขึ้น
Chrome Extension นี้ให้คุณเข้าถึงข้อมูลจากเว็บแบบเรียลไทม์ พร้อมตัวเลือกค้นหาแหล่งเฉพาะ เช่น งานวิจัยและวิดีโอบน YouTube อีกทั้งยังสามารถตั้งคำถามเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาเชิงลึก และแชร์ข้อมูลได้ง่ายผ่านลิงก์
ข้อดี
- ค้นหาทั้งเว็บหรือเฉพาะแพลตฟอร์มที่ต้องการได้ง่าย
- ค้นหาข้อมูลจาก Amazon, Reddit และ Twitter ได้
- ตอบคำถามได้ละเอียด ครอบคลุม
- มีเวอร์ชันฟรีให้ใช้งาน
ข้อเสีย
- อาจสรุปเนื้อหาที่ยาวมากไม่ได้ดีเท่าที่ควร
- อาจให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในบางกรณี
29. Fireflies
Fireflies เป็น Chrome Extension ที่ช่วยบันทึกและถอดเสียงประชุมหรือวิดีโอต่างๆ ได้โดยตรงจากเบราว์เซอร์
ไม่ต้องกังวลว่า AI bot จะเข้ามาขัดจังหวะการประชุม ระบบสามารถติดแท็กเสียงของแต่ละคน พร้อมระบุเวลาในการพูด ทำให้สามารถดูได้ว่าใครพูดอะไร และเมื่อไหร่
เพียงคลิกเดียวก็สามารถเริ่มบันทึกได้ และจะได้รับไฟล์ถอดเสียงภายในไม่กี่นาทีหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น นอกจากนี้ยังรองรับการถอดเสียงจากแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Loom, Soapbox และ Bubbles
ระบบยังมีฟีเจอร์ค้นหาอัจฉริยะที่ช่วยให้คุณหาข้อมูลเฉพาะในไฟล์ถอดเสียงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตัวกรองอารมณ์ (Sentiment Analysis) เพื่อระบุช่วงเวลาสำคัญ
ข้อดี
- รองรับการถอดเสียงแบบไม่จำกัดในเวอร์ชันฟรี
- ใช้งานง่าย
- ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
ข้อเสีย
- สรุปเนื้อหาอัตโนมัติและพื้นที่จัดเก็บมีข้อจำกัดในแพลนฟรี
- อาจมีข้อผิดพลาดในการถอดเสียงบางครั้ง
30. GPT for Google Sheets and Docs
GPT for Google Sheets and Docs เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณใช้ AI ในเอกสาร Google ได้โดยตรง รองรับงานเขียน แก้ไข แปลภาษา ทำความสะอาดข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูล
คุณสามารถเลือกใช้โมเดล AI ต่างๆ เช่น GPT-4 หรือ Claude 3 ตามความต้องการ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้การเตรียมข้อมูล การวิเคราะห์ การสร้างเนื้อหา และ bulk prompting บน Google Sheets
ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับช่วยจัดการงานในเอกสารให้เร็วขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ข้อดี
- รองรับการใช้งานที่หลากหลาย
- สามารถเลือกโมเดล AI ที่เหมาะสมได้
- มีแพลน pay as you go ที่คุ้มค่า
ข้อเสีย
- อาจไม่เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนหรือต้องการความละเอียดสูง
- ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยก่อนใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ไม่รองรับการสร้างภาพ
31. Murf
สำหรับการนำเสนอใน Google Slides การเพิ่มเสียงพากย์แบบมืออาชีพอาจเป็นเรื่องที่ใช้เวลามากและยุ่งยาก Murf เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างและแก้ไขเสียงพากย์ได้โดยไม่ต้องบันทึกเสียงเอง
Murf ให้คุณพิมพ์ข้อความและเลือกเสียง AI ที่เหมาะสมกับแต่ละสไลด์ อีกทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับทีมเพื่อสร้างพรีเซนเทชันที่ดูเป็นมืออาชีพได้ง่ายขึ้น
บัญชีฟรีของ Murf ให้ทดลองใช้เสียงพากย์ 10 นาที ส่วนแพ็กเกจแบบชำระเงินเริ่มต้นที่ประมาณ 800 บาทต่อเดือน โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์เสียงได้ไม่จำกัด และใช้ในเชิงพาณิชย์ได้
ข้อดี
- ไม่ต้องเสียเวลาบันทึกเสียงเอง
- มีคลังเสียง AI ที่ปรับแต่งได้
- ช่วยให้การเขียนสคริปต์และแก้ไขเสียงพากย์ง่ายขึ้น
ข้อเสีย
- เวอร์ชันฟรีไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์เสียงได้
- แผนชำระเงินมีราคาค่อนข้างสูงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
- บางคนอาจไม่ชอบคุณภาพเสียง AI
- เสียงในเวอร์ชันฟรีมีตัวเลือกจำกัด
การออกแบบ
32. ColorZilla
สีเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์และเสริมภาพลักษณ์โดยรวม ColorZilla เป็นเครื่องมือ eyedropper ที่ช่วยให้คุณเลือกสีจากหน้าเว็บและนำไปใช้ในงานออกแบบได้อย่างง่ายดาย
เพียงคลิกที่สีที่ต้องการบนเว็บ ระบบจะแสดงค่ารหัสสี hex, RGB และรูปแบบสีอื่นๆ ทันที
แม้ว่า ColorZilla จะเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการดึงสี แต่มันไม่ได้รองรับการแก้ไขภาพหรือออกแบบเลย์เอาต์ ดังนั้นหากต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงเพิ่มเติม อาจต้องใช้เครื่องมืออื่นควบคู่ไปด้วย
ข้อดี
- เลือกสีได้อย่างแม่นยำ
- รองรับหลายรูปแบบสี เช่น hex, RGB
- ปรับแต่งสีเพิ่มเติมได้ เช่น ความอิ่มตัวของสีและความสว่าง
- ใช้งานฟรีและเบาเครื่อง
ข้อเสีย
- ฟีเจอร์ค่อนข้างจำกัด
- ไม่มีระบบทำงานร่วมกันเป็นทีม
33. WhatFont
เคยเจอฟอนต์สวยๆ บนเว็บไซต์แล้วสงสัยว่า "นี่คือฟอนต์อะไร?" หรือไม่? WhatFont เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณตรวจสอบฟอนต์ของหน้าเว็บได้ง่ายๆ เพียงคลิกเดียว เหมาะสำหรับนักออกแบบ นักพัฒนาเว็บ และทุกคนที่สนใจเรื่องการออกแบบตัวอักษรบนเว็บ
เพียงเลื่อนเมาส์ไปที่ข้อความบนเว็บ WhatFont จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับฟอนต์ เช่น ชื่อฟอนต์ น้ำหนัก (เช่น ตัวหนา ตัวปกติ) และขนาดของฟอนต์
ข้อดี
- ระบุฟอนต์ได้ง่ายและรวดเร็ว
- ให้รายละเอียดฟอนต์ครบถ้วน
- รองรับฟอนต์จาก Google Fonts, Typekit และ Fontdeck
- มีโหมดช่วยสำหรับผู้ที่มีภาวะตาบอดสี
ข้อเสีย
- ใช้งานแบบออฟไลน์ได้จำกัด
34. Pexels
หากคุณกำลังมองหารูปภาพคุณภาพสูงสำหรับแบรนด์ Pexels Chrome Extension เป็นตัวช่วยที่ดี โดยเครื่องมือนี้รวมคลังภาพฟรีจาก Pexels มาไว้ในเบราว์เซอร์ ทำให้เข้าถึงภาพสต็อกคุณภาพสูงนับล้านภาพได้ง่ายขึ้น
ทุกครั้งที่เปิดแท็บใหม่ คุณจะได้เห็นภาพที่สวยงาม และหากต้องการใช้ภาพในเชิงพาณิชย์ สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Pexels โดยตรง
ข้อดี
- ค้นหาและเลือกภาพได้อย่างรวดเร็ว
- มีคลังภาพฟรีคุณภาพสูงให้เลือกมากมาย
- ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้
ข้อเสีย
- ไม่มีเครื่องมือแก้ไขภาพในตัว
- โฟกัสเฉพาะภาพฟรีเท่านั้น
- มีโอกาสที่ภาพบางภาพจะถูกใช้งานซ้ำบ่อย
35. Window Resizer
Window Resizer เป็น Chrome Extension ที่ช่วยจัดการขนาดและตำแหน่งของหน้าต่างบนเดสก์ท็อป รองรับเลย์เอาต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าถึง 20 รูปแบบ เช่น ขนาดเดสก์ท็อป แล็ปท็อป iPhone และ iPad
เครื่องมือนี้เหมาะสำหรับนักออกแบบเว็บและนักพัฒนา เพราะช่วยให้ทดสอบเลย์เอาต์ในขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งขนาดและตำแหน่งของหน้าต่างเองได้ และบันทึกเป็นเทมเพลตใช้งานในอนาคต
ข้อดี
- ลดเวลาที่ต้องปรับขนาดหน้าต่างด้วยตัวเอง
- ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ให้ทำงานสะดวกขึ้น
- รองรับหลายจอแสดงผล
- Chrome Extension สำหรับเจ้าของร้านที่ใช้งานง่าย
ข้อเสีย
- สร้างเลย์เอาต์ส่วนตัวมากเกินไปอาจทำให้จัดการยาก
- ไม่รองรับการออกแบบเว็บแบบ Responsive
36. PerfectPixel
ลองนึกภาพว่าคุณใช้เวลาหลายชั่วโมงสร้าง Mockup แต่พอใช้งานจริงกลับพบว่าตำแหน่งหรือขนาดองค์ประกอบผิดเพี้ยนไป PerfectPixel แก้ปัญหานี้ได้ โดยช่วยให้คุณอัปโหลด Mockup แล้ววางเป็นเลเยอร์ซ้อนบนเว็บไซต์จริง เพื่อตรวจสอบความคลาดเคลื่อนของระยะห่าง เลย์เอาต์ หรือขนาดขององค์ประกอบต่างๆ
PerfectPixel ยังให้คุณบันทึกเลเยอร์ของเว็บไซต์แต่ละแห่ง ทำให้ไม่ต้องอัปโหลดใหม่ทุกครั้งเมื่อเข้าหน้าเดิม หากต้องการใช้งานขั้นสูง เช่น การซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ สามารถอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน Pro
ข้อดี
- อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ใช้งานสะดวก
- อัปโหลดไฟล์ได้ด้วยการลากและวาง
- รองรับคีย์ลัดเพื่อเพิ่มความรวดเร็ว
ข้อเสีย
- มีโฆษณาในเวอร์ชันฟรี
- ไม่รองรับการแก้ไขโค้ดโดยตรง
การทำ SEO
37. Keywords Everywhere
Keywords Everywhere เป็น Chrome Extension ที่ช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ดและทำ SEO โดยจะแสดงปริมาณการค้นหารายเดือนของคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง เมื่อค้นหาบน Google
เครื่องมือนี้ยังช่วยแนะนำคีย์เวิร์ดยาว (long-tail keywords) และแสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องในแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube และ Amazon โดยเวอร์ชันชำระเงินมีข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม เช่น cost-per-click (CPC) และระดับการแข่งขันของแต่ละคีย์เวิร์ด รวมถึงกราฟแนวโน้มย้อนหลัง และคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งติดอันดับ
Keywords Everywhere ใช้ระบบเครดิต ซึ่งจะถูกหักเมื่อมีการค้นหาคีย์เวิร์ด หากเปิดใช้งานตลอดเวลา อาจทำให้เครดิตหมดเร็ว ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นเครื่องมือที่สะดวกและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เหมาะสำหรับการวิจัยคีย์เวิร์ดและการวิเคราะห์ SEO ระหว่างการท่องเว็บ
ข้อดี
- ฟีเจอร์พื้นฐานใช้งานได้ฟรี
- รองรับหลายแพลตฟอร์ม เช่น Google, YouTube, Amazon
- อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย
ข้อเสีย
- ข้อมูลในเวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัด
- ระบบเครดิตอาจทำให้ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม
38. Keyword Surfer
Keyword Surfer เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณเห็นปริมาณการค้นหาและคำแนะนำคีย์เวิร์ดในผลลัพธ์ Google ได้โดยตรง หากไม่มีงบประมาณสำหรับเครื่องมือ SEO แบบสมัครสมาชิก เครื่องมือนี้ถือเป็นทางเลือกฟรีที่น่าสนใจสำหรับการวิจัยคีย์เวิร์ด
การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเป็นหัวใจสำคัญของ SEO สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ช่วยให้คุณตรวจสอบแนวคิดของสินค้าและคอนเทนต์ ประเมินความต้องการของตลาด และค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ลูกค้ากำลังมองหา
Keyword Surfer ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ง่ายขึ้น พร้อมตัวเลือกบันทึกคีย์เวิร์ดลงลิสต์ และสร้าง outline สำหรับบทความ SEO ได้ทันที
ข้อดี
- Chrome Extension สำหรับเจ้าของร้านใช้ฟรี 100%
- แสดงข้อมูลปริมาณการค้นหา ทราฟฟิก และ CPC
- ช่วยวางแผนเนื้อหา SEO ได้ง่าย
ข้อเสีย
- ข้อมูลมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับเครื่องมือ SEO แบบเสียเงิน
39. Meta SEO Inspector
ส่วนขยาย Meta SEO Inspector ช่วยตรวจสอบองค์ประกอบ SEO บนหน้าเว็บ ช่วยให้คุณระบุปัญหาที่อาจส่งผลต่อการจัดอันดับ และปรับแต่งคอนเทนต์ให้เหมาะกับเสิร์ชเอนจิน
เครื่องมือนี้สามารถวิเคราะห์ metadata, title tags, meta description, alt text ของรูปภาพ รวมถึงตรวจสอบลิงก์ภายในและภายนอกเว็บไซต์ โดย Meta SEO Inspector เป็นตัวช่วยที่ดีในการหาจุดอ่อนของ SEO เพื่อปรับปรุงหน้าเว็บ เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้เชี่ยวชาญ เพราะแสดงข้อมูล SEO อย่างเข้าใจง่าย
ข้อดี
- ใช้งานได้ฟรีและให้ข้อมูลครบถ้วน
- อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย
- ครอบคลุม SEO บนหน้าเว็บอย่างละเอียด
- รองรับหลายภาษา
ข้อเสีย
- ไม่มีฟีเจอร์ด้าน SEO เชิงเทคนิค
- เป็นเพียงเครื่องมือวิเคราะห์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาโดยตรง
40. Redirect Path
Redirect Path เป็น Chrome Extension ฟรีที่ช่วยตรวจสอบเส้นทางรีไดเรกต์บนหน้าเว็บ แจ้งเตือนโค้ดสถานะ HTTP เช่น 301, 302, 404 และ 500 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้
นอกจากนี้ยังสามารถแสดง HTTP headers เช่น X-Robots-Tags, cookies และ caching ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการตั้งค่าหรือแก้ไขเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ SEO และนักพัฒนาเว็บใช้ Redirect Path เพื่อตรวจจับโค้ดรีไดเรกต์ที่ผิดปกติและตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ หากพบปัญหา สามารถคัดลอกรายงานและบันทึกเป็นเอกสารเพื่อส่งให้ทีมพัฒนาแก้ไขได้
ข้อดี
- ค้นหารีไดเรกต์ที่ซ่อนอยู่ได้ง่าย
- ระบุประเภทของรีไดเรกต์ได้ชัดเจน
- แสดงเส้นทางรีไดเรกต์ให้เห็นภาพชัดเจน
- สามารถคัดลอกข้อมูลเพื่อใช้ต่อได้สะดวก
ข้อเสีย
- ข้อมูลที่แสดงอาจมีศัพท์เทคนิคเยอะ ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจเรื่อง SEO และการพัฒนาเว็บ
41. Wayback Machine
Wayback Machine เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณดูเวอร์ชันเก่าของเว็บไซต์ เปรียบเสมือนเครื่องย้อนเวลาในโลกอินเทอร์เน็ต สามารถใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ ดูหน้าเว็บที่สูญหายหรือกลายเป็น 404 และเข้าถึงเอกสารที่ถูกเก็บถาวร
เครื่องมือนี้มีประโยชน์สำหรับติดตามพัฒนาการของเว็บไซต์คู่แข่ง กู้คืนเนื้อหาเว็บที่อาจสูญหาย และวิเคราะห์ robots.txt ในอดีต อย่างไรก็ตาม Wayback Machine ไม่ได้เก็บทุกเวอร์ชันของหน้าเว็บ แต่จะบันทึกสแนปช็อตในช่วงเวลาต่างๆ หากไม่มีข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ จะไม่สามารถกู้คืนหน้านั้นได้
ข้อดี
- เข้าถึงประวัติของเว็บไซต์ได้ง่าย
- ช่วยกู้คืนลิงก์ที่เสียหาย
- ดำเนินการโดย Internet Archive องค์กรไม่แสวงหากำไร
ข้อเสีย
- ไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่จะมีข้อมูลใน Wayback Machine
- หน้าเว็บที่ถูกเก็บไว้อาจไม่แสดงผลเหมือนต้นฉบับ 100%
42. SEOquake
SEOquake เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณดูข้อมูล SEO ต่างๆ ของเว็บไซต์ที่เข้าชม เช่น Google PageRank, จำนวนแบ็กลิงก์ และลิงก์ภายใน ทำให้การวิเคราะห์ SEO ของเว็บไซต์เป็นเรื่องง่าย
เครื่องมือนี้ทำงานเหมือน SEO toolkit ที่ช่วยให้คุณตรวจสอบ SEO ของเว็บไซต์ได้ทันที นอกจากนี้ยังรองรับการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ค้นหาผ่านตัวกรอง และวิเคราะห์ข้อมูลจากหน้า SERPs
SEOquake เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับปรุง SEO ตัวอย่างเช่น หากพบว่าเว็บไซต์คู่แข่งมี referring domains จำนวนมาก (ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่ออันดับในเสิร์ชเอนจิน) อาจพิจารณาเพิ่มกลยุทธ์สร้างแบ็กลิงก์ให้กับเว็บไซต์ของตนเอง
ข้อดี
- วิเคราะห์ SEO ได้รวดเร็วและสะดวก
- เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเครื่องมือฟรี
- สามารถปรับแต่งการแสดงข้อมูลให้เหมาะสมกับความต้องการได้
ข้อเสีย
- ไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การวิจัยคีย์เวิร์ดหรือการติดตามอันดับ
- สามารถวิเคราะห์ได้เฉพาะ 100 หน้าแรกของเว็บไซต์
43. SEO Minion
SEO Minion เป็น Chrome Extension ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO บนหน้าเว็บ โดยเน้นไปที่ on-page SEO
เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณวิเคราะห์ meta tags ตรวจสอบลิงก์ที่เสีย และดูเส้นทางรีไดเรกต์ นอกจากนี้ยังแจ้งเตือนเมื่อพบปัญหา เช่น ชื่อหน้าที่ยาวเกินไป หรือหน้าเว็บที่หายไป พร้อมแนะนำโอกาสในการปรับปรุง SEO ของหน้าเว็บ
SEO Minion เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของเนื้อหาเว็บไซต์
ข้อดี
- เป็นเครื่องมือแบบ all-in-one
- ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับมือใหม่
- รายงานเชิงลึกเกี่ยวกับ SEO หลายด้าน
ข้อเสีย
- การสนับสนุนลูกค้ามีจำกัด
- ไม่รองรับฟีเจอร์ off-page SEO
- อาจใช้งานยากเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์ขนาดใหญ่
ความปลอดภัย (Security)
44. uBlock Origin
uBlock Origin เป็น Chrome Extension ฟรีและ open-source ที่ช่วยบล็อกโฆษณา เครื่องมือติดตาม มัลแวร์ และเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ
ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ Predefined lists เพื่อบล็อกโฆษณาและตัวติดตาม หรือกำหนดรายการบล็อกเพิ่มเติมสำหรับเนื้อหาเฉพาะ เช่น cookie notices และวิดเจ็ตโซเชียลมีเดีย
ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์การท่องเว็บที่สะอาดขึ้น ไม่มีโฆษณากวนใจ มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และโหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้น
ข้อดี
- บล็อกโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เป็น open-source และใช้งานได้ฟรี
- ปรับแต่งได้ตามต้องการ
- มีการอัปเดตเป็นประจำ
ข้อเสีย
- ไม่สามารถซ่อนกิจกรรมการท่องเว็บได้
45. LastPass
LastPass เป็นตัวจัดการรหัสผ่านที่เก็บข้อมูลรหัสผ่านทั้งหมดของคุณไว้ใน vault ที่ปลอดภัย เพียงตั้งรหัสผ่านหลักที่แข็งแกร่งเพียงรหัสเดียว เมื่อใช้งาน LastPass คุณสามารถตั้งให้ระบบสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มที่ปลอดภัยสำหรับบัญชีออนไลน์ทั้งหมด และใช้ Chrome Extension ในการเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ
หลายคนมักใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับทุกบัญชีเพื่อความสะดวก ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัย LastPass แก้ปัญหานี้โดยให้คุณเข้าถึงบัญชีทั้งหมดได้ง่ายเหมือนใช้รหัสผ่านเดียวกัน แต่ยังคงความปลอดภัย
เวอร์ชันฟรีช่วยให้คุณใช้งานได้บนอุปกรณ์ทั้งหมด และสามารถอัปเกรดเป็นเวอร์ชันพรีเมียมเพื่อฟีเจอร์เพิ่มเติม
ข้อดี
- อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย
- มีเวอร์ชันฟรีให้ใช้งาน
- ซิงก์รหัสผ่านข้ามอุปกรณ์ได้
- แชร์รหัสผ่านอย่างปลอดภัย
- ใช้ระบบเข้ารหัส zero-knowledge เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ข้อเสีย
- เคยมีประเด็นเรื่องการรั่วไหลของข้อมูลในอดีต
- ฟีเจอร์ในเวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัด
46. Avast Online Security
Avast เป็น Chrome Extension ด้านความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องเบราว์เซอร์จากเว็บไซต์อันตราย เครื่องมือติดตาม และกลโกงออนไลน์ ทุกครั้งที่คุณท่องเว็บ Avast จะสแกนเว็บไซต์ที่เข้าชมและเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลของภัยคุกคามที่รู้จัก
เวอร์ชันฟรีสามารถตรวจจับและบล็อกคุกกี้ติดตามได้ ส่วนเวอร์ชันพรีเมียม (เริ่มต้นที่ประมาณ 150 บาท/เดือน พร้อมทดลองใช้ฟรี 60 วัน) มาพร้อมการป้องกันขั้นสูง เช่น
- แอนติไวรัสแบบเรียลไทม์
- ไฟร์วอลล์ป้องกันภัยคุกคาม
- ระบบป้องกันแรนซัมแวร์
- SecureLine VPN
- การป้องกันข้อมูลรั่วไหล
เวอร์ชันฟรีเหมาะสำหรับการปกป้องเบราว์เซอร์จากกลโกงและมัลแวร์ ส่วนเวอร์ชันพรีเมียมช่วยเพิ่มการป้องกันระดับอุปกรณ์
ข้อดี
- มีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง
- ตัวช่วยด้านความเป็นส่วนตัวสำหรับจัดการข้อมูล
- ใช้งานฟรีได้
- อินเทอร์เฟซเรียบง่าย
ข้อเสีย
- การป้องกันยังไม่ครอบคลุมเท่าซอฟต์แวร์แอนติไวรัสเต็มรูปแบบ
เครื่องมือช่วยการเข้าถึง
47. Read Aloud
Read Aloud เป็น Chrome Extension ที่ช่วยแปลงข้อความบนเว็บ PDF และ eBooks เป็นเสียง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสายตา หรือใครที่ต้องการฟังเนื้อหาแทนการอ่าน เช่น ฟังขณะเดินทาง ทำงานบ้าน หรือออกกำลังกาย
เครื่องมือนี้ใช้งานง่าย หลังติดตั้งแล้วจะมีไอคอนไมโครโฟนบนแถบเครื่องมือ ซึ่งสามารถใช้ได้สองวิธี
- คลิกไอคอนเพื่อให้ระบบอ่านทั้งหน้าเว็บ
- ไฮไลต์ข้อความที่ต้องการให้ระบบอ่าน แล้วคลิกไอคอน
รองรับเสียงอ่านหลายภาษา สามารถปรับความเร็ว น้ำเสียง และระดับเสียงได้ตามต้องการ
ข้อดี
- รองรับไฟล์หลายรูปแบบ
- ฟรีและเป็น open-source
- ปรับแต่งเสียงอ่านได้
ข้อเสีย
- เสียงฟรีมีตัวเลือกจำกัด
- อาจอ่านเนื้อหาซับซ้อนได้ไม่แม่นยำ
48. Dyslexia Friendly
Dyslexia Friendly เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้หน้าเว็บอ่านง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่มีภาวะ dyslexia สามารถเลือกฟอนต์ที่เหมาะสม เช่น Open Dyslexic หรือ Comic Sans ซึ่งช่วยให้อ่านง่ายขึ้น
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Reading Ruler Overlay ที่ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของสายตา และทำให้เนื้อหาดูเป็นระเบียบมากขึ้น
ข้อดี
- ตั้งค่าง่ายและใช้งานสะดวก
- เป็น open-source
- รองรับฟอนต์ที่ออกแบบมาสำหรับผู้มีภาวะ dyslexia
ข้อเสีย
- ปรับแต่งได้จำกัด
- ไม่มีฟีเจอร์ text-to-speech
49. Pixie
Pixie เป็นชุดเครื่องมือสำหรับปรับแต่งประสบการณ์การอ่านบนเว็บ รองรับฟีเจอร์ด้าน Accessibility เช่น
- ปรับโทนสีหน้าจอและความสว่าง
- ปรับขนาดและรูปแบบตัวอักษร
- ใช้ฟอนต์ที่อ่านง่ายขึ้น เช่น Open Dyslexic
นอกจากนี้ Pixie ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอ่านบนเว็บ มีฟีเจอร์ text-to-speech สำหรับฟังเนื้อหา และตัวช่วยค้นหาคำศัพท์ เพียงไฮไลต์คำที่ต้องการ ระบบจะแสดงคำจำกัดความทันที รวมถึงโหมด Reader View ที่ช่วยซ่อนโฆษณาและแสดงเฉพาะเนื้อหาหลัก
ข้อดี
- ปรับแต่งฟอนต์ สี และเลย์เอาต์ได้หลากหลาย
- แถบเครื่องมือใช้งานง่าย
- ช่วยให้หน้าเว็บอ่านง่ายขึ้น
ข้อเสีย
- ควบคุมการออกแบบหน้าเว็บได้น้อย
การซื้อของออนไลน์
50. Rakuten
Rakuten เป็น Chrome Extension ยอดนิยมสำหรับนักช้อปออนไลน์ ช่วยค้นหาส่วนลดและรับเงินคืนจากร้านค้ากว่า 3,500 แห่ง
เมื่อเข้าชมร้านค้าที่เป็นพาร์ทเนอร์ Rakuten จะแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับ เปอร์เซ็นต์เงินคืนและดีลที่มีอยู่ เพียงคลิกเพื่อเปิดใช้งานเงินคืน และช้อปตามปกติ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Price Magic ที่ช่วยค้นหาราคาที่ถูกที่สุดขณะเลือกซื้อสินค้า
ข้อดี
- ใช้งานฟรี เพียงสมัครบัญชี Rakuten
- รองรับร้านค้าหลากหลาย ตั้งแต่ Nike, Macy’s ไปจนถึงร้านค้าปลีกอื่นๆ
- เปรียบเทียบข้อเสนอเงินคืนได้จากหน้าเสิร์ชเอนจิน
ข้อเสีย
- ร้านค้าที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์จะไม่มีข้อเสนอเงินคืน
51. Honey
Honey เป็น Chrome Extension ด้านการช้อปปิ้งที่พัฒนาโดย PayPal โดยจะช่วยค้นหาคูปองส่วนลดและ ทดลองใช้โค้ดอัตโนมัติขณะชำระเงิน ในร้านค้ากว่า 30,000 แห่ง เช่น Sephora, Madewell, Temu, Aveda และ Amazon
นอกจากนี้ Honey ยังมีระบบ PayPal Rewards ซึ่งเป็นโปรแกรมสะสมแต้มจากร้านค้าที่เข้าร่วม และสามารถนำแต้มไปแลกเป็นบัตรของขวัญได้
ข้อดี
- ค้นหาและใช้คูปองที่ดีที่สุดให้อัตโนมัติ
- รองรับร้านค้าหลากหลาย
- มีโปรแกรมสะสมแต้ม PayPal Rewards
- ใช้งานฟรี เพียงสมัครบัญชี
ข้อเสีย
- ตัวเลือกการแลกแต้มยังจำกัด
- ไม่สามารถหาคูปองลดราคาทุกครั้งได้เสมอ
เปลี่ยนเบราว์เซอร์ให้ทรงพลังขึ้นด้วย Chrome Extension สำหรับเจ้าของร้าน
Chrome Extensions ที่เราแนะนำสามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับเจ้าของธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าหลายตัวสามารถใช้งานได้ฟรี ไม่ว่าจะช่วยประหยัดเวลา หรือลดต้นทุนที่อาจต้องจ้างมืออาชีพมาทำงานแทน
ไอคอนเล็กๆ บนแถบเครื่องมือของเบราว์เซอร์อาจกลายเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนวันทำงานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนแทบไม่อยากทำงานโดยไม่มีพวกมันอีกต่อไป
เลือกติดตั้งและตั้งค่า Chrome Extensions อย่างมีเป้าหมาย และเริ่มทำงานให้ได้มากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง ทุกครั้งที่เปิด Google Chrome เพื่อสร้างและขยายธุรกิจของคุณ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Chrome Extensions
ติดตั้ง Chrome Extensions เยอะเกินไปทำให้คอมพิวเตอร์ช้าหรือไม่?
อาจเป็นได้ การมี Chrome Extensions มากเกินไปอาจทำให้เบราว์เซอร์ทำงานช้าลง เนื่องจากแต่ละ Extension เป็นเหมือนโปรแกรมขนาดเล็กที่ทำงานอยู่หลังบ้าน ใช้หน่วยความจำและพลังประมวลผล ดังนั้น หากมีมากเกินไป Chrome ต้องจัดการทรัพยากรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การทำงานช้าลงและประสบการณ์การท่องเว็บไม่ราบรื่น
Chrome Extension ไหนมีประโยชน์ที่สุด?
Chrome Extension ที่มีประโยชน์ที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่ตัวเลือกยอดนิยม ได้แก่
- Adblock Plus – บล็อกโฆษณาและป๊อปอัป เพื่อประสบการณ์การท่องเว็บที่สะอาดขึ้น
- LastPass – จัดการและสร้างรหัสผ่านอย่างปลอดภัย สำหรับบัญชีออนไลน์ทั้งหมด
- Grammarly – ช่วยตรวจสอบ แก้ไขไวยากรณ์และคำผิด เพื่อปรับปรุงการเขียน
Chrome Extension ที่ช่วยลดการผัดวันประกันพรุ่ง คือโปรแกรมไหน?
StayFocusd เป็น Chrome Extension ที่ช่วยให้คุณหยุดผัดวันประกันพรุ่งโดยจำกัดเวลาการใช้งานเว็บไซต์ที่ทำให้เสียสมาธิ ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานมากขึ้นโดยตั้งค่าจำกัดเวลาสำหรับเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน และบล็อกเว็บไซต์ที่อาจทำให้เสียเวลา หากคุณมีปัญหาในการจัดการเวลาขณะทำงาน StayFocusd เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
มี Chrome Extension ที่ช่วยให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้นหรือไม่?
แม้ว่าไม่มี Extension ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วการโหลดโดยตรง แต่การใช้ uBlock Origin สามารถช่วยให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้นได้ โดยการบล็อกโฆษณาและเนื้อหาที่ไม่จำเป็น ซึ่งมักเป็นสาเหตุของการโหลดที่ช้า การล้างแคชเบราว์เซอร์เป็นประจำและอัปเดต Chrome Extensions ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก็สามารถช่วยให้การโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้นเช่นกัน