จากตลาดออนไลน์ยอดนิยม ไปจนถึงแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ของคุณเอง มาร่วมค้นพบ 9 เว็บขายของนอกจาก Etsy ลิสต์ที่ดีที่สุดประจำปีนี้ไปพร้อมๆ กัน
หากคุณทำงานแฮน์เมด หรือเป็นนักสะสม คุณคงรู้จักตลาด Etsy เป็นอย่างดี
ด้วยผู้ซื้อมากกว่า 96 ล้านคน Etsy จึงเป็นเว็บไซต์ยอดนิยมสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจ ในฐานะที่เป็นสถานที่ให้ลูกค้าค้นพบแบรนด์ของคุณ Etsy จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่เนื่องจาก Etsy เป็นตลาดที่เป็นเจ้าของข้อมูลลูกค้า การขายผ่านร้าน Etsy จึงมีข้อจำกัดในการขยายธุรกิจ ด้วยการออกแบบร้านที่จำกัด ตัวเลือกการติดต่อกับลูกค้าที่น้อยกว่า และค่าธรรมเนียมของแพลตฟอร์ม ผู้ขายหลายคนจึงมักมองหาทางเลือกอื่นๆ แทน Etsy
สำหรับผู้ที่มองหาพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหรือเว็บไซต์ขายสินค้าทางเลือกอื่นๆ นี่คือลิสต์ที่ดีที่สุดของเว็บขายของนอกจาก Etsy
รวมลิสต์ 9 เว็บขายของนอกจาก Etsy
1. Shopify
Shopify คือแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Etsy ที่ต้องการควบคุมและความยืดหยุ่นที่มากกว่า เพราะผู้ขายไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการลงขายของ และยังสามารถเป็นเจ้าของข้อมูลลูกค้า และควบคุมแบรนด์ของร้านได้อย่างเต็มที่ คุณยังสามารถจัดการรายการ Etsy จากแดชบอร์ด Shopify ของคุณ ทำให้ขายได้ทั้งสองแพลตฟอร์มพร้อมกันได้ง่าย
พ่อค้าแม่ค้าหลายรายของ Shopify เริ่มต้นธุรกิจจาก Etsy ก่อนที่จะเปลี่ยนแพลตฟอร์มเมื่อพร้อมที่จะขยายกิจการ ซึ่งก็ต้องขอบคุณฟีเจอร์การย้ายจาก Etsy ไปยัง Shopify ที่ทำให้ขั้นตอนนี้ทำได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าคุณจะวางแผนขายออนไลน์ในร้านค้าปลีกหรือผ่านโซเชียลมีเดีย
ด้วยเทมเพลตร้านค้าที่พร้อมให้ปรับแต่งหลายร้อยแบบ Shopify เปิดโอกาสให้คุณสร้างแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ Shopify ยังมีชุดเครื่องมือและทรัพยากรสำหรับการขายอย่างครบถ้วน รวมถึงการให้ทุนผ่าน Shopify Capital, Shopify POS และบริการจัดส่งที่มีส่วนลด
2. Big Cartel
Big Cartel เป็นเครื่องมือสร้างร้านค้าที่ออกแบบมาสำหรับผู้ขายงานฝีมือ ผู้ประกอบการ และผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการขายงานศิลปะออนไลน์ โดยผู้ใช้ Big Cartel สามารถลงรายการสินค้าได้สูงสุดถึง 5 ชิ้นในแผนฟรี ซึ่งทำให้แพลตฟอร์มนี้เป็นตัวเลือกที่ดีในบรรดาทางเลือกสำหรับ Etsy สำหรับผู้ขายที่มีงบประมาณจำกัดและมีสินค้าน้อย นอกจากนี้ ที่นี่ยังเทมเพลตเว็บไซต์ที่คุณสามารถปรับแต่งให้ตรงกับแบรนด์ของคุณ คุณสามารถใช้ชื่อโดเมนของคุณเอง และเข้าถึงเครื่องมือการตลาดหลายรายการ ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าจากร้านโดยตรง และสามารถติดต่อคุณผ่านแบบฟอร์มติดต่อได้ด้วย
3. Squarespace
Squarespace เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่มีชื่อดังในด้านอินเทอร์เฟซแบบ Drag ‘n Drop เช่นเดียวกับผู้สร้างเว็บไซต์อื่นๆ ในรายการนี้ ข้อได้เปรียบหลักของ Squarespace เมื่อเปรียบเทียบกับ Etsy คือเป็นระบบที่ช่วยให้คุณขายบนเว็บไซต์ของคุณเองได้ ลดค่าธรรมเนียม และเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ และคุณสามารถติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางสื่อที่คุณเป็นเจ้าของ เช่น อีเมล
เช่นเดียวกับ Shopify เว็บไซต์ Squarespace ยังช่วยให้คุณนำเข้าลิสต์สินค้าจาก Etsy โดยใช้แอปพลิเคชันการย้ายข้อมูลจากบุคคลที่สามและขายให้กับลูกค้า ทั้งจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่กำหนดเองและจากตลาดของบุคคลที่สาม เนื่องจาก Squarespace ไม่ได้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับอีคอมเมิร์ซ ผู้ขายบางคนอาจพบว่าแพลตฟอร์มนี้ไม่มีฟีเจอร์ทั้งหมดที่ต้องการเพื่อขยายธุรกิจ
4. Wix
Wix เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ช่วยให้คุณขายสินค้าโดยตรงให้กับลูกค้าและไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม Etsy และมอบประสบการณ์สร้างแบรนด์แบบเฉพาะตัว เช่นเดียวกับผู้สร้างรายอื่นในรายการเว็บขายของนอกจาก Etsy ระบบของ Wix มีเทมเพลตเว็บไซต์ที่ปรับแก้ได้ พร้อมโอกาสที่คุณจะใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเอง โฮสต์เว็บไซต์ และฟีเจอร์ทางการตลาดที่เป็นประโยชน์
Wix ช่วยให้คุณติดตามออเดอร์ รับการชำระเงินผ่าน PayPal และบัตรเครดิต สร้างคูปองส่งเสริมการขาย และตั้งค่ากฎภาษี รวมถึงการจัดส่งสำหรับสถานที่ต่างๆ โดยมีแผนการกำหนดราคาที่แตกต่างกัน และยังมีศูนย์ความรู้สำหรับชุมชน
5. Ecwid by Lightspeed
Ecwid by Lightspeed ไม่ใช่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเพิ่มฟังก์ชันการทำงานด้านอีคอมเมิร์ซให้กับเว็บไซต์ที่มีอยู่ รวมถึงบัญชีโซเชียลมีเดียและช่องทางการขายอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นศิลปินที่มีผลงานอยู่ในแพลตฟอร์มที่เข้ากันได้ คุณสามารถใช้ปุ่มซื้อของ Ecwid เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการช็อปปิ้งในเว็บไซต์ผลงานของคุณ ซึ่งทำให้ Ecwid เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในรายการทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ Etsy
หากคุณยังไม่มีเว็บไซต์ของตัวเอง คุณจะต้องใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์แยกต่างหากเพื่อใช้ Ecwid และหากคุณต้องการ ขายบน Etsy และ Ecwid คุณจะต้องเลือกแผนที่ต้องชำระเงินซึ่งมีขีดจำกัดสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ
6. IndieMade
IndieMade เป็นทางเลือกสำหรับ Etsy ที่มีฟีเจอร์เฉพาะ สำหรับศิลปินและผู้ขายงานศิลปะ นอกจากเครื่องมือสร้างร้านค้าออนไลน์ (ที่มีข้อจำกัด) แล้ว คุณยังสามารถสร้างปฏิทินกิจกรรม แกลเลอรีภาพ บล็อกของคุณเอง และ Section ข่าวสาร ซึ่งมีฟีเจอร์ด้านการสร้างแบรนด์ให้คุณใช้ได้มากกว่าที่ Etsy
ฟีเจอร์การจัดการสินค้าคงคลังของ IndieMade จะซิงค์เว็บไซต์ของคุณกับร้าน Etsy อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับ Etsy จะมีตัวเลือกที่จำกัดสำหรับสินค้าที่มีหลายตัวเลือก ซึ่งทำให้ยากสำหรับผู้ชายที่มีสินค้าที่หลากหลาย และหากการเสนอสินค้าที่หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโมเดลธุรกิจของคุณ แพลตฟอร์มทางเลือกนี้อาจเหมาะกับคุณที่สุด
7. Bonanza
Bonanza เป็นตลาดออนไลน์ที่คล้ายกับ Etsy ซึ่งหมายถึงคุณสามารถขายสินค้าที่ไม่ซ้ำกับคนอื่นๆ ในตลาด เช่น งานศิลปะ งานฝีมือ และของสะสม ซึ่งข้อได้เปรียบหลักของ Bonanza เมื่อเปรียบเทียบกับ Etsy คือ Bonanza ยังให้คุณสร้างเว็บไซต์ต่างหากสำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณได้
การลงรายการสินค้าบน Bonanza นั้นฟรี แต่เว็บไซต์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมมูลค่าขายสุดท้ายเช่นเดียวกับ Etsy คุณสามารถนำเข้าสินค้าโดยตรงจาก Etsy และสร้างรายการอัตโนมัติบน Google Shopping eBay และ Nextag และสิ่งพิเศษบน Bonanza คือผู้ซื้อและผู้ขายสามารถต่อราคาได้ ดังนั้น การตั้งราคาให้กับสินค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ
8. Amazon Handmade
Amazon ไม่ได้มีชื่อเสียงในด้านสินค้าแฮนด์เมดเท่านั้น แต่ก็มีตลาดสำหรับการขายสินค้าหัตถกรรมและงานฝีมือด้วย โดย Amazon Handmade มอบร้านค้า Amazon ให้กับผู้ผลิตเพื่อแสดงสินค้า ซึ่งข้อดีของ Amazon Handmade เมื่อเปรียบเทียบกับ Etsy ได้แก่ การจัดส่งผ่าน Fulfillment by Amazon (FBA) ไม่มีการหมดอายุของรายการ การวิเคราะห์ข้อมูล และโฆษณาที่สนับสนุนโดย Amazon
การขายงานของคุณบน Amazon Handmade อาจเป็นวิธีที่ดีในการนำสินค้าของคุณไปยังลูกค้าประจำ Amazon แต่ต้องอย่าลืมว่าที่นี่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าบนแพลตฟอร์มตลาดอื่นๆ โดย Amazon จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 15% ต่อธุรกรรม รวมถึงค่าธรรมเนียมสมาชิกรายเดือน นอกจากนี้ เช่นเดียวกับ Etsy เพราะ Amazon เป็นเจ้าของความสัมพันธ์กับลูกค้า ของคุณ ซึ่งอาจทำให้งานส่งเสริมช่องทางการขายอื่นๆ เป็นไปได้ยาก
9. Goimagine
Goimagine เป็นตลาดออนไลน์ที่คล้ายกับ Etsy อย่างไรก็ตาม Goimagine เปิดโอกาสให้สมาชิกสร้างร้านค้าออนไลน์ของตัวเองได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเข้าถึงเครือข่ายโซเชียลของ Goimagine ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้สำหรับคนทำงานแฮนด์เมด รวมถึงเป็นพอร์ทัลสำหรับฝึกอบรม โดยการลงรายการสินค้าใน Goimagine สินค้าต้องเป็นไปตามแนวทางที่แพลตฟอร์มกำหนด โดยสินค้าจะต้องผลิตโดยผู้ขายเท่านั้น และต้องเป็นงานทำมือหรืองานที่ใช้เครื่องจักรเบา
เมื่อได้รับการอนุมัติ ผู้ขายบางคนพบว่าอินเทอร์เฟซของ Goimagine ค่อนข้างยุ่งยากไปสักนิด แต่คุณสามารถใช้แดชบอร์ดเพื่อเช็คสถิติการขาย ติดตามออเดอร์ และจัดการสินค้าในสต๊อก โดยผู้ใช้ใหม่สามารถนำเข้าสินค้าจาก Etsy ผ่านวิธีการการส่งอีเมลไฟล์ CSV ไปยังทีมสนับสนุนของ Goimagine (กระบวนการนี้อาจยุ่งยากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ในลิสต์นี้)
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเว็บขายของนอกจาก Etsy
เว็บขายของที่ดีที่สุดนอกจาก Etsy คือเว็บไหน?
Shopify เป็นทางเลือกเว็บขายของนอกจาก Etsy ที่ดีที่สุด ทั้งสำหรับศิลปิน ผู้ทำงานฝีมือ และผู้ประกอบการ เพราะ Shopify ไม่มีค่าธรรมเนียมการลงประกาศขาย อนุญาตให้คุณลงรายการสินค้าจำนวนไม่จำกัด และให้คุณควบคุมเว็บไซต์เองได้ตามตร้องการ
Shopify กับ Etsy เหมือนกันมั้ย?
Shopify เป็นแพลตฟอร์มการค้าขายแบบครบวงจรที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นร้านค้าปลีกและขายออนไลน์ได้ ซึ่งแตกต่างจาก Etsy เพราะ Shopify มาพร้อมกับชุดเครื่องมือการขาย และให้คุณมีโดเมนเว็บไซต์ที่กำหนดเองได้ ซึ่งหมายความว่าคุณเป็นเจ้าของร้านค้า รวมถึงข้อมูลรายชื่อลูกค้าของคุณ
จุดอ่อนของ Etsy คืออะไร?
การดำเนินธุรกิจบน Etsy หมายความว่าคุณจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้า ซึ่งทำให้คุณจึงมีข้อจำกัดในด้านการสร้างแบรนด์และการตลาด นอกจากนี้ Etsy ยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจากผู้ขายซึ่งทำให้กำไรของคุณน้อยลง และด้วยเหตุผลด้านการควบคุมและความยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้ Etsy บางกลุ่มหันไปใช้โซลูชันอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopify