เครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์เป็นคำทางกฎหมายที่เห็นได้บ่อยๆ คุณอาจเคยเห็นสัญลักษณ์ ™, ® หรือ © ที่ติดอยู่กับชื่อแบรนด์ โลโก้ หรือชื่อเรื่องต่างๆ
ทั้งเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์จะมอบความคุ้มครองบางประการในระยะยาวให้กับผลงานสร้างสรรค์ของคุณ ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ถึงแม้จะมีความคล้ายคลึงซึ่งทำให้คนมักจะสับสน แต่เครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์นั้นมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กทุกคนควรมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับความคล้ายและความต่างของทั้งสองสิ่งนี้ ที่แม้จะมอบความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเหมือนกัน แต่สิ่งที่คุ้มครองและวิธีการคุ้มครองนั้นทำให้ทั้งสองสิ่งนี้เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่แตกต่างกันมาก บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่างเครื่องหมายการค้ากับลิขสิทธิ์ พร้อมให้คำแนะนำว่าเมื่อไหร่ควรใช้การคุ้มครองประเภทไหน
เครื่องหมายการค้าคืออะไร
เครื่องหมายการค้า คือสัญลักษณ์ คำ วลี สี รูปร่าง หรือสิ่งอื่นใดที่กฎหมายรับรอง ซึ่งใช้เพื่อแยกผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทหนึ่งออกจากผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทอื่นๆ การคุ้มครองนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคสับสน และป้องกันไม่ให้คู่แข่งนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ในหลายประเทศ เครื่องหมายการค้ายังสามารถใช้เพื่อคุ้มครองสี ภาพโฮโลแกรม ภาพเคลื่อนไหว รูปแบบบรรจุภัณฑ์ เสียง กลิ่น รสชาติ และพื้นผิวได้อีกด้วย
ลิขสิทธิ์คืออะไร?
กฎหมายลิขสิทธิ์มีไว้เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของงานสร้างสรรค์ เช่น งานวรรณกรรม ทัศนศิลป์ หรือดนตรี ซึ่งรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น โลโก้ที่สามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้เช่นกัน แต่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ภาพที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและสิ่งที่คล้ายกัน เจ้าของลิขสิทธิ์ของงานสร้างสรรค์ใดๆ จะมีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการแสดง แจกจ่าย ทำซ้ำ หรือแสดงงานนั้น และอาจมีสิทธิ์ได้รับค่าตอบแทนเมื่อผู้อื่นยืมหรือทำซ้ำส่วนต่างๆ ของงานชิ้นดังกล่าว
ตารางเทียบ เครื่องหมายการค้ากับลิขสิทธิ์
ประเภทการคุ้มครอง |
สิ่งที่คุ้มครอง |
ข้อกำหนดสำหรับการคุ้มครอง |
ระยะเวลาการคุ้มครอง |
สิทธิที่เกี่ยวข้อง |
ตัวอย่าง |
---|---|---|---|---|---|
เครื่องหมายการค้า |
สัญลักษณ์ เช่น ชื่อ โลโก้ และสโลแกนที่ใช้เพื่อแยกสินค้าหรือบริการของตนออกจากของผู้อื่น |
ต้องมีความโดดเด่นและใช้งานในเชิงพาณิชย์ |
การใช้เครื่องหมายการค้าแบบพิเศษไม่จำกัด (หากคุณต่ออายุทุก 10 ปี) ต้องมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาการปกป้อง |
ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้เครื่องหมายการค้าในลักษณะที่อาจทำให้ลูกค้าสับสน |
ชื่อแบรนด์ McDonald’s และสัญลักษณ์รูปตัว M |
ลิขสิทธิ์ |
วรรณกรรม ดนตรี ศิลปะ ภาพประกอบ วิดีโอ ซอฟต์แวร์ เสียงบันทึก บทความในบล็อก ฯลฯ |
ต้องเป็นผลงานต้นฉบับในสื่อที่จับต้องได้ (เช่น วิดีโอต้นฉบับที่โพสต์ลงใน YouTube) |
ไม่จำเป็นต้องมีการลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ แต่การลงทะเบียนก็สำคัญหากคุณต้องการบังคับใช้ลิขสิทธิ์ ในไทย คุณจะได้รับการคุ้มครองโดยอัตโนมัติในระยะเวลาชีวิตของผู้สร้างต้นฉบับ และนับเพิ่มไปอีก 50 ปี |
ควบคุมวิธีการใช้งานงานที่มีลิขสิทธิ์ของคุณ โดยคุณมีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการทำซ้ำ แจกจ่าย หรือแสดงผลงานต้นฉบับ |
หนังสือชุด Harry Potter โดย J.K. Rowling |
แม้ว่ากฎหมายเครื่องหมายการค้าและกฎหมายลิขสิทธิ์จะมีลักษณะบางอย่างร่วมกัน เนื่องจากทั้งสองอย่างอยู่ในขอบเขตทั่วไปของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในบางด้าน
องค์ประกอบที่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง
เครื่องหมายการค้าสามารถคุ้มครองเครื่องหมายต่างๆ เช่น คำ โลโก้ องค์ประกอบการออกแบบ และแม้แต่วลีหรือสโลแกนบางอย่างที่บ่งชี้แบรนด์ของธุรกิจคุณ ส่วนลิขสิทธิ์จะคุ้มครองงานสร้างสรรค์ที่คุณหรือธุรกิจของคุณอาจผลิตขึ้น ซึ่งรวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) วรรณกรรม งานศิลปะ ภาพถ่าย โค้ดซอฟต์แวร์ เสียงบันทึก หรือเนื้อหาวิดีโอ
ข้อกำหนด
เครื่องหมายการค้าต้องมีความโดดเด่นและไม่สับสนกับคำอื่นๆ ในบริบทเดียวกัน การคุ้มครองทั้งเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องมีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ แต่ความพยายามใดๆ ในการบังคับใช้สิทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่งอาจเป็นอุปสรรคหากไม่มีการจดทะเบียน
ระยะเวลาการคุ้มครอง
การคุ้มครองเครื่องหมายการค้าต้องได้รับการต่ออายุทุกๆ 10 ปี ส่วนการคุ้มครองลิขสิทธิ์นั้นมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติ และโดยทั่วไปมีอายุการใช้งานตลอดชีพของผู้สร้างสรรค์ บวกอีก 70 ปี
สิทธิที่ได้รับ
การคุ้มครองเครื่องหมายการค้าจะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้เครื่องหมายการค้าของคุณในลักษณะที่อาจทำให้ลูกค้าสับสน ส่วนลิขสิทธิ์นั้นจะให้สิทธิ์แก่คุณแต่เพียงผู้เดียวในการทำซ้ำงานของคุณ ตัวอย่างเช่น บุคคลอื่นจะไม่สามารถเผยแพร่โพสต์ที่มีลิขสิทธิ์ซ้ำบนเว็บไซต์ของตนเองได้
เครื่องหมายการค้ากับลิขสิทธิ์ ตัวเลือกใดต้องใช้ตอนไหนบ้าง?
ธุรกิจมักใช้เครื่องหมายการค้าเพื่อปกป้องเอกลักษณ์และความนิยมของแบรนด์ ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับโลโก้ องค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโลโก้นั้น และแม้กระทั่งภาษาทางการตลาดหรือภาษาเฉพาะตัวของแบรนด์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เช่น สโลแกนที่บ่งชี้ว่าเป็นแบรนด์นั้นๆ ก็นับรวมด้วย
หากธุรกิจของคุณใช้องค์ประกอบการสร้างแบรนด์ที่มีสไตล์เฉพาะเพื่อแยกความแตกต่างของสินค้าหรือบริการของคุณในตลาด คุณอาจต้องการดำเนินการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าสำหรับองค์ประกอบเหล่านั้น เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วจะช่วยให้คุณมีช่องทางในการดำเนินการทางกฎหมาย หากคู่แข่งลอกเลียนแบบแบรนด์ของคุณบางส่วนหรือทั้งหมด เพื่อแย่งลูกค้าของคุณไป
แต่ก็มีข้อควรระวัง หากคู่แข่งที่ใกล้เคียงกับคุณได้ใช้เครื่องหมายการค้าที่คล้ายกันอยู่แล้ว การขอรับการจดทะเบียนอาจเป็นไปไม่ได้ เพราะคู่แข่งอาจสามารถคัดค้านคำขอได้
การคุ้มครองลิขสิทธิ์จะปกป้องงานสร้างสรรค์ที่ธุรกิจของคุณผลิตขึ้น เช่น เอกสารทางธุรกิจ เนื้อหาวิดีโอ หรืองานศิลปะประเภทใดประเภทหนึ่ง และเช่นเดียวกับการคุ้มครองเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ให้สิทธิ์ทางกฎหมายหากมีผู้ใดนำงานของคุณไปใช้ในทางที่ผิด
ประโยชน์ของการคุ้มครองคืออะไร
การรับรู้ทั่วประเทศ
ทั้งเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนและลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินของคุณ กล่าวคือ ไม่มีใครสามารถนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ และสำหรับลิขสิทธิ์ ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ด้วย ในส่วนของเครื่องหมายการค้า คุณสามารถเลือกที่จะดำเนินการจดทะเบียนในหลายประเทศได้ เช่น คุณอาจต้องการจดทะเบียนในทุกเขตอำนาจศาลที่คุณดำเนินธุรกิจอยู่
การสันนิษฐานความเป็นเจ้าของตามกฎหมาย
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหมายความว่า คุณจะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นเจ้าของธุรกิจของคุณตามกฎหมาย ซึ่งหมายความว่า หากมีผู้ดำเนินการโต้แย้งทางกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า คุณจะได้รับการยอมรับว่าเป็นเจ้าของตามกฎหมาย การบังคับใช้สิทธิ์กับผู้ที่ละเมิดสิทธิ์จึงทำได้ง่ายขึ้น
อีกหนึ่งข้อดีของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของรัฐบาลกลางในสหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงในไทยคือ เครื่องหมายการค้านั้นได้รับการคุ้มครองทั่วประเทศ โดยในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและแคนาดา สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าสามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้งานจริง แม้จะไม่มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม สิทธิ์เหล่านั้นจำกัดอยู่เฉพาะพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ได้ใช้เครื่องหมายนั้นเท่านั้น
การเยียวยาทางกฎหมาย
หากคุณเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือลิขสิทธิ์ คุณสามารถฟ้องร้องบุคคลที่ละเมิดสิทธิ์ของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าชื่อแบรนด์ของคุณ คู่แข่งจะไม่สามารถใช้ชื่อแบรนด์ของคุณเพื่อหลอกลวงลูกค้าให้เข้าใจผิดว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณได้ และหากพวกเขาทำเช่นนั้น เครื่องหมายการค้าของคุณอาจอนุญาตให้คุณดำเนินคดีทางกฎหมายได้
กฎหมายลิขสิทธิ์ยังคุ้มครองคุณหากมีผู้ใช้งานผลงานต้นฉบับของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น หากมีผู้เผยแพร่ภาพถ่ายผลิตภัณฑ์ของคุณโดยไม่ได้รับความยินยอม คุณสามารถดำเนินคดีทางกฎหมายกับพวกเขาได้ เช่นเดียวกับกรณีของเครื่องหมายการค้า
การป้องปรามการละเมิด
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหรือลิขสิทธิ์จะช่วยเสริมสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ของคุณ ช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างความไว้วางใจและความภักดี ในขณะเดียวกันก็ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของคุณในตลาด ผู้กระทำผิดอาจมีแนวโน้มที่จะละเมิดการคุ้มครองของคุณน้อยลง ถ้าพวกเขารู้ว่าคุณสามารถฟ้องร้องพวกเขาได้หากมีการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต
สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์
ด้านล่างนี้คือเรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ เราจะมาดูกันว่าทำไมความเข้าใจเหล่านี้ถึงไม่ถูกต้อง และข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์คืออะไร
เครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์เป็นสิ่งเดียวกัน
เครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ความคุ้มครองตามกฎหมายทั้งสองประเภทนี้ครอบคลุมเนื้อหาที่แตกต่างกัน กล่าวคือ เครื่องหมายการค้ามีไว้เพื่อปกป้องสัญลักษณ์ คำ วลี หรือเครื่องหมายต่างๆ ที่ใช้ในการแยกแยะสินค้าหรือบริการ ส่วนลิขสิทธิ์นั้นจะให้ความคุ้มครองแก่งานสร้างสรรค์อันมีรูปแบบที่หลากหลายกว่า อาทิ งานดนตรี งานวรรณกรรม หรืองานศิลปะในหลากหลายชนิดสื่อ
ลิขสิทธิ์ไม่ได้ปกป้องแค่สิ่งที่แสดงออก แต่ปกป้องไอเดียด้วย
กฎหมายลิขสิทธิ์ไม่อนุญาตให้คุณปกป้องความคิดหรือไอเดีย แต่คุณสามารถปกป้องวิธีการแสดงออกถึงความคิดนั้นได้ ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถปกป้องแนวคิดที่อธิบายไว้ในหนังสือหรือบทความของคุณได้ แต่คุณสามารถมีลิขสิทธิ์ในวิธีการที่คุณแสดงออกถึงแนวคิดนั้น
เครื่องหมายการค้าอยู่ได้ตลอดไปโดยไม่ต้องต่ออายุ
เครื่องหมายการค้าไม่ได้คงอยู่ตลอดไป ในทางทฤษฎี เครื่องหมายการค้าจะคงอยู่ตราบเท่าที่เจ้าของยังคงใช้เครื่องหมายนั้นในการค้าตามปกติ อย่างไรก็ตาม เพียงแค่การใช้เครื่องหมายการค้านั้นยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงการใช้อย่างต่อเนื่องและเป็นปกติ
ในไทย เจ้าของเครื่องหมายการค้าต้องคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทุกๆ 10 ปีนับจากวันที่จดทะเบียน โดยแสดงให้เห็นว่าเครื่องหมายการค้านั้นยังคงใช้งานอยู่ และต้องชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุด้วย การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ครบ จะส่งผลให้เครื่องหมายการค้าถูกพิจารณาว่า "ตาย" ซึ่งหมายความว่าบุคคลอื่นอาจนำไปใช้และจดทะเบียนได้
คุณต้องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อให้มีสิทธิตามกฎหมาย
การปกป้องเครื่องหมายการค้าระดับสูงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อเครื่องหมายการค้าถูกลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม สิทธิ์ “ที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติจากการใช้งานจริง” หมายความว่า คุณยังสามารถได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย หากมีใครใช้สโลแกน ชื่อ หรือภาพที่คุณใช้เพื่อระบุหรือแยกแบรนด์ของคุณ
สิทธิ์ที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติจากการใช้งานจริงนี้ มักจะจำกัดอยู่เฉพาะพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เครื่องหมายนั้นถูกใช้ ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้สโลแกนเพื่อขายสินค้าให้กับลูกค้าในประเทศไทย คุณอาจไม่มีการคุ้มครองทางกฎหมายใดๆ กับธุรกิจอื่นที่ใช้สโลแกนเดียวกันเพื่อเข้าถึงลูกค้าในประเทศจีน แม้ว่าคุณอาจได้สร้างสิทธิ์ตามกฎหมายทั่วไปในเครื่องหมายในประเทศไทยแล้วก็ตาม
ลิขสิทธิ์ต้องจดทะเบียน
คุณไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนลิขสิทธิ์งานสร้างสรรค์ของคุณ กฎหมายลิขสิทธิ์จะคุ้มครองงานต้นฉบับใดๆ ที่คุณผลิตขึ้นโดยอัตโนมัติ เช่น วิดีโอ ภาพประกอบ หรือเสียงบันทึก งานที่มีสิทธิ์ต้องอยู่ในรูปแบบที่จับต้องได้ (เช่น ข้อความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของคุณ) และเป็นต้นฉบับโดยแท้จริง
ถึงกระนั้น คุณจะไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายสูงสุด เว้นแต่ลิขสิทธิ์จะได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ ในประเทศไทย งานที่มีลิขสิทธิ์ของคุณต้องลงทะเบียนกับสำนักงานลิขสิทธิ์ของไทย ก่อนที่จะฟ้องร้องผู้ละเมิดอย่างเป็นทางการ การได้รับการจดทะเบียนอาจใช้เวลาหลายเดือน ดังนั้นคุณอาจไม่ต้องการรอจนกว่าจะพบผู้ละเมิดก่อนที่คุณจะขอรับการจดทะเบียนลิขสิทธิ์
เครื่องหมายการค้า คุ้มครองแค่โลโก้
เครื่องหมายการค้าสามารถปกป้องสัญลักษณ์ คำ หรือวลีใดๆ ที่ใช้ในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของธุรกิจ กฎหมายเครื่องหมายการค้าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โลโก้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น แมคโดนัลด์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าวลีต่างๆ เช่น "McDelivery," "McNugget" และ "Egg McMuffin" เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดรายอื่นนำชื่อเหล่านี้ไปใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง
นอกจากนี้ เครื่องหมายการค้ายังครอบคลุมไปถึงกลิ่น เสียง และสี เช่น เสียงคำรามของสิงโตที่โผล่มาตอนต้นของภาพยนตร์จาก MGM หรือสีน้ำตาล Pullman อันเป็นเอกลักษณ์ของ UPS
บทความนี้เป็นการนำเสนอเบื้องต้นอย่างง่ายๆ เกี่ยวกับประเด็นสำคัญบางประการของการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ เนื่องจากทรัพย์สินทางปัญญามีความซับซ้อน และกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาก็แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ หากท่านต้องการข้อมูลที่ละเอียดและครอบคลุม หรือคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของท่าน ขอแนะนำให้ปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในเขตอำนาจศาลของท่านโดยตรง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์
ควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหรือลิขสิทธิ์วลีไหม
ประโยคสั้นๆ มักจะไม่เข้าข่ายได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจส่วนใหญ่จึงเลือกจดทะเบียนวลีหรือสโลแกนเป็นเครื่องหมายการค้าแทน ถ้าพวกเขากำลังใช้วลีเหล่านั้นเพื่อแยกแยะผลิตภัณฑ์ของตนในตลาด
สโลแกนเหมาะสมกับลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้า
โดยทั่วไปแล้ว สโลแกนมีแนวโน้มที่จะได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ามากกว่าลิขสิทธิ์ เพื่อป้องกันบุคคลที่สามนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต คุณมีสิทธิ์ที่จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับใครก็ตามที่ใช้เครื่องหมายการค้าของคุณ
ระหว่างจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโลโก้กับลิขสิทธิ์ แบบไหนดีกว่ากัน
แม้ว่าโลโก้ของคุณจะได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโลโก้จะให้ขอบเขตการคุ้มครองที่กว้างกว่า ซึ่งรวมถึงการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นคัดลอกโลโก้ของคุณอย่างถูกกฎหมาย รวมถึงการป้องกันไม่ให้พวกเขานำเครื่องหมายที่คล้ายกันมาใช้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนในตลาดระหว่างแบรนด์ของคุณและคู่แข่ง
เครื่องหมายการค้ามีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่
เครื่องหมายการค้าจะคงอยู่ตราบเท่าที่เจ้าของเครื่องหมายการค้ายังคงใช้เครื่องหมาย ชื่อ องค์ประกอบการออกแบบ หรือสโลแกนนั้น และยังคงรักษาสถานะการจดทะเบียนไว้ หากเครื่องหมายไม่ได้ใช้งาน อาจถูกกำหนดให้เป็น "ตาย" และเปิดให้บุคคลอื่นดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับรัฐได้
เราสามารถมีลิขสิทธิ์ชื่อธุรกิจของตัวเองได้หรือไม่
คุณไม่สามารถมีลิขสิทธิ์ชื่อธุรกิจได้ เนื่องจากความคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่ครอบคลุมถึงชื่อเรื่อง สโลแกน วลีสั้นๆ หรือโลโก้
เราสามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าชื่อธุรกิจของตัวเองได้หรือไม่
คุณสามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าชื่อบริษัท รวมถึงโลโก้ องค์ประกอบการออกแบบ หรือวลีทางการตลาดใดๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ของคุณได้