ข้อเสนอ, คูปอง, ส่วนลด และดีล ไม่ช้าก็เร็ว ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่จะต้องตัดสินใจว่าจะใช้เทคนิคแจกคูปองหรือไม่, ควรให้ส่วนลดเมื่อไหร่ และมูลค่าของส่วนลดควรเป็นเท่าไร
การมอบส่วนลดสามารถเป็นเครื่องมือทรงพลังในการเพิ่มอัตราการซื้อและสร้างความภักดีของลูกค้า แต่หากใช้แบบขาดกลยุทธ์ อาจส่งผลเสียต่อแบรนด์ หรือที่แย่กว่านั้นคือทำให้ธุรกิจขาดทุน
ในเนื้อหาต่อไปนี้ คุณจะได้เรียนรู้ไอเดียเกี่ยวกับส่วนลดและโค้ดคูปองที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความภักดีของลูกค้าและกระตุ้นยอดขายได้
21 ไอเดียโค้ดส่วนลดสำหรับร้านขายของออนไลน์
- ส่วนลดรายสัปดาห์/รายเดือน
- ข้อเสนอพิเศษก่อนเปิดตัวสินค้า
- ดีลช่วงวันหยุดและตามเทศกาล
- คูปองสำหรับตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้งไว้
- ส่วนลดสำหรับการสมัครรับอีเมล/จดหมายข่าว
- ส่วนลดสำหรับการกดไลก์ ติดตาม และแชร์บนโซเชียลมีเดีย
- โค้ดโปรโมชั่นสำหรับการแนะนำเพื่อน
- ส่วนลดสำหรับลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก
- ส่วนลดเมื่อมียอดซื้อขั้นต่ำ
- ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย
- ส่วนลดสำหรับลูกค้าประจำ
- ส่วนลดสำหรับผู้ที่กำลังจะออกจากเว็บไซต์
- โปรโมชั่นสำหรับการรีทาร์เก็ตลูกค้า
- ข้อเสนอจากอินฟลูเอนเซอร์ (บล็อกเกอร์, คนดัง ฯลฯ)
- ส่วนลดสำหรับการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์
- คูปองสำหรับการซื้อสินค้าหน้าร้าน
- ส่วนลดสำหรับผู้เข้าร่วมอีเวนต์
- ส่วนลดตามช่วงเวลาสำคัญของลูกค้า
- ส่วนลดสำหรับ Flash Sale
- ส่วนลดสำหรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ส่วนลดพิเศษสำหรับทหาร/นักเรียน
มีหลากหลายวิธีที่คุณสามารถใช้การลดราคา ข้อเสนอ และดีลเพื่อกระตุ้นความภักดีของลูกค้า ดึงดูดลูกค้าใหม่ และเพิ่มยอดขาย มาดูตัวเลือกยอดนิยม พร้อมตัวอย่างสำหรับแต่ละแบบกัน
1. ส่วนลดรายสัปดาห์/รายเดือน
เป็นโปรโมชั่นรูปแบบดั้งเดิมที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยมักใช้ในช่วงสิ้นเดือนหรือไตรมาสเพื่อเพิ่มรายได้ให้ถึงเป้าหมายทางธุรกิจ
ส่วนลดรายสัปดาห์หรือรายเดือนเหมาะสำหรับช่วงสิ้นไตรมาสหรือฤดูกาล โดยเฉพาะเมื่อต้องการเคลียร์สต็อกสินค้าเก่าเพื่อเปิดทางให้สินค้าใหม่
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ใช้แอปนับเวลาถอยหลังของสินค้าเพื่อสร้างความรู้สึกเร่งด่วน
- เพิ่มมูลค่าให้ข้อเสนอด้วยดีลซื้อ 1 แถม 1 หรือการจับคู่สินค้า
- เน้นย้ำว่าเป็น “โอกาสสุดท้าย” เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
2. ข้อเสนอพิเศษก่อนเปิดตัว
หากธุรกิจของคุณยังอยู่ในช่วงก่อนเปิดตัว หรือกำลังเตรียมวางจำหน่ายสินค้าตัวใหม่ การใช้ข้อเสนอพิเศษก่อนเปิดตัวสามารถช่วยเพิ่มทราฟฟิกและสร้างความสนใจ เปลี่ยนลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าประจำ
ข้อเสนอประเภทนี้เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ก่อนการเปิดร้านค้า หรือเพื่อโปรโมตสินค้าตัวใหม่ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- เก็บอีเมลลูกค้าเพื่อติดต่อและแจ้งอัปเดตเมื่อสินค้าพร้อมวางจำหน่าย
- ใช้แอปพรีออเดอร์เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มแรกเข้าถึงสินค้าก่อนใคร
3. ดีลในวันหยุดและตามเทศกาล
ช่วงเทศกาล เช่น Black Friday Cyber Monday เป็นช่วงที่มีการช็อปปิ้งมากที่สุดของปี ข้อเสนอพิเศษช่วงวันหยุดช่วยเพิ่มยอดขายได้ดี เพราะเป็นช่วงที่ลูกค้าพร้อมใช้จ่ายมากที่สุด
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ผู้คนมักซื้อของขวัญให้ผู้อื่นในช่วงนี้ ดังนั้น แม้ว่าคุณจะขายสินค้าสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (เช่น ของเล่นเด็ก) ก็ควรทำการตลาดไปยังกลุ่มผู้ซื้อตัวจริง (เช่น ผู้ปกครอง)
- สินค้าแปลกใหม่หรือสินค้าพิเศษมักได้ผลดีในช่วงนี้ เพราะลูกค้าต้องการของขวัญที่ไม่เหมือนใคร
4. คูปองสำหรับตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้งไว้
เกือบ 70% ของผู้ซื้อออนไลน์ละทิ้งตะกร้าสินค้าของตน การส่งอีเมลพร้อมโค้ดส่วนลดสำหรับตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้งไว้สามารถช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าได้
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ปรับแต่งอีเมลโดยใส่ชื่อของลูกค้าและสินค้าที่พวกเขาทิ้งไว้ในตะกร้า
- เพิ่มปุ่ม Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าสามารถกลับไปที่ตะกร้าและทำรายการสั่งซื้อได้ง่ายขึ้น
5. ข้อเสนอสำหรับการสมัครรับอีเมล/จดหมายข่าว
การสร้างรายชื่ออีเมลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับร้านค้าออนไลน์ การให้ข้อเสนอพิเศษแก่ผู้เยี่ยมชมที่สมัครรับอีเมลช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนพวกเขาเป็นลูกค้า และยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าได้อีกด้วย
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- แจ้งให้ลูกค้าทราบว่าพวกเขาจะได้รับอะไรจากจดหมายข่าว เช่น “รับข้อเสนอพิเศษและอัปเดตสินค้ามาใหม่ก่อนใคร”
- ใส่ตัวเลือกแชร์ในอีเมล เพื่อให้ผู้รับสามารถบอกต่อแบรนด์และสินค้าไปยังโซเชียลมีเดียหรืออีเมลของเพื่อนได้
6. ส่วนลดสำหรับการกดไลก์ ติดตาม และแชร์บนโซเชียลมีเดีย
หนึ่งในความท้าทายของร้านค้าออนไลน์ใหม่คือการทำให้คนรู้จักร้านของคุณ การให้สิ่งจูงใจแก่ลูกค้าเพื่อให้พวกเขาแชร์ร้านค้าผ่านโซเชียลมีเดียเป็นวิธีที่คุ้มค่าในการสร้างกระแสแบบปากต่อปากโดยไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง
7. โค้ดโปรโมชั่นสำหรับการแนะนำเพื่อน
ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากร้านที่ได้รับการแนะนำจากเพื่อนหรือครอบครัวมากขึ้น คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้ให้เป็นประโยชน์โดยเสนอส่วนลดสำหรับการแนะนำ ไม่ว่าจะให้ส่วนลดกับผู้ที่แนะนำ ผู้ถูกแนะนำ หรือทั้งสองฝ่าย
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ใช้แอปแนะนำเพื่อน เช่น ReferralCandy เพื่อสร้างระบบการตลาดแบบแนะนำที่จูงใจให้ลูกค้าแชร์สินค้าของคุณเพื่อรับส่วนลด
8. ส่วนลดสำหรับลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก
ลูกค้าใหม่หลายคนอาจลังเลที่จะซื้อหากพวกเขาไม่คุ้นเคยกับแบรนด์ของคุณ การให้ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าครั้งแรกอาจเป็นแรงจูงใจที่ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ความประทับใจแรกมีความสำคัญ ดังนั้นหลังจากลูกค้าทำการสั่งซื้อแล้ว ควรจัดส่งสินค้าให้รวดเร็ว ประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ครั้งแรกสามารถเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้
9. ส่วนลดเมื่อมียอดซื้อขั้นต่ำ
การให้ส่วนลดตามมูลค่ารวมของตะกร้าสินค้าเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยกระตุ้นการซื้อเพิ่มเติมและเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยของลูกค้า วิธีที่มีประสิทธิภาพคือการคำนวณมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยของร้านในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา จากนั้นเสนอส่วนลดหรือจัดส่งฟรีสำหรับยอดซื้อที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10%–20%
คุณยังสามารถใช้ส่วนลดแบบนี้กับคอลเลกชันหรือสินค้าบางประเภทได้ หากมีสินค้าหรือคอลเลกชันใดที่ต้องการโปรโมต ลองใช้ส่วนลดยอดซื้อขั้นต่ำเพื่อจูงใจให้ลูกค้าสนใจสินค้านั้นมากขึ้น
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ใช้แอป Quantity Breaks เพื่อตั้งค่าให้ส่วนลดถูกใช้โดยอัตโนมัติเมื่อยอดซื้อมากกว่าที่กำหนด
- สินค้าที่ต้องซื้อซ้ำบ่อยจะได้ประโยชน์จากส่วนลดประเภทนี้มาก เพราะลูกค้าจะเร่งตัดสินใจซื้อก่อนที่โปรโมชันจะหมดเขต
10. ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย
การมอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะบนโซเชียลมีเดียช่วยสร้างความภักดีในกลุ่มผู้ติดตาม และยังเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้าใหม่มาติดตามเพจของคุณ ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำการตลาดกับพวกเขาได้ในอนาคต
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ลองขยายขอบเขตแคมเปญด้วยการใช้โฆษณาบนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตข้อเสนอส่วนลดของคุณ
11. ส่วนลดสำหรับลูกค้าประจำ
การให้รางวัลกับลูกค้าประจำสามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น และกระตุ้นให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำได้ง่ายขึ้น ด้วย Shopify คุณสามารถตั้งค่าโค้ดส่วนลดที่จำกัดเฉพาะลูกค้ากลุ่มพิเศษได้
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- อาจใช้วิธีส่งอีเมลส่วนตัวพร้อมส่วนลดให้ลูกค้าที่มียอดซื้อสูงสุด หรือใช้แอปอีเมลอัตโนมัติ เช่น Klaviyo เพื่อส่งข้อเสนอให้ลูกค้าเมื่อลงทะเบียนหรือทำการสั่งซื้อครบตามที่กำหนด
- ลองใช้แอปสะสมแต้ม เช่น LoyaltyLion เพื่อสร้างระบบสะสมแต้มให้ลูกค้าแลกเป็นส่วนลดในอนาคต
12. ข้อเสนอพิเศษก่อนออกจากเว็บไซต์
บางครั้งสิ่งที่จำเป็นในการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้เป็นลูกค้าคือข้อเสนอสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะออกจากหน้าเว็บ ข้อเสนอพิเศษก่อนออกจากเว็บไซต์จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบตรวจจับได้ว่าผู้ใช้กำลังจะปิดแท็บหรือออกจากเว็บไซต์ โดยแสดงข้อเสนอเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาตัดสินใจซื้อ
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ข้อเสนอควรมีข้อความที่โดดเด่นและเข้าใจง่าย เพื่อจูงใจให้ลูกค้าทำการสั่งซื้อก่อนออกจากเว็บไซต์
- ใช้แอปสร้างป๊อปอัป เช่น Optimonk เพื่อเพิ่มข้อเสนอแบบ exit-intent ในร้านค้าออนไลน์ของคุณ
13. โปรโมชั่นรีทาร์เก็ต
ข้อเสนอแบบรีทาร์เก็ต (Retargeted offers) มีประสิทธิภาพสูง เพราะจะแสดงเฉพาะกับผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณแล้ว ซึ่งหมายความว่าพวกเขารู้จักแบรนด์อยู่แล้ว โฆษณาจะช่วยเตือนให้พวกเขากลับมา และข้อเสนอจะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาตัดสินใจซื้อ
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- โปรโมชั่นรีทาร์เก็ตจะมีประสิทธิภาพสูงสุดหากออกแบบให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงของเส้นทางลูกค้า ลองแบ่งกลุ่มลูกค้าและสร้างข้อเสนอเฉพาะสำหรับแต่ละกลุ่ม
14. ข้อเสนอจากอินฟลูเอนเซอร์ (บล็อกเกอร์, คนดัง ฯลฯ)
การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีฐานผู้ติดตามขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มการมองเห็นแบรนด์ และหากคุณให้ข้อเสนอพิเศษเฉพาะกลุ่มผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์ โอกาสที่แฟนคลับของพวกเขาจะกลายเป็นลูกค้าของคุณก็จะสูงขึ้น
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- สร้างโค้ดส่วนลดที่เกี่ยวข้องกับผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้พวกเขาจดจำและใช้งานได้ง่ายขึ้น
- เลือกทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีกลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกับแบรนด์ของคุณ
15. ข้อเสนอสำหรับการซื้อออนไลน์
หากต้องการเพิ่มยอดขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ลองใช้กลยุทธ์การจูงใจให้ลูกค้าซื้อผ่านเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะเพื่อเสริมยอดขายจากหน้าร้าน หรือเพื่อสร้างฐานลูกค้านอกแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น Amazon
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ใช้แอปป๊อปอัปบนหน้าเว็บเพื่อแสดงส่วนลดให้ลูกค้าทันทีเมื่อเข้ามาที่เว็บไซต์
16. คูปองสำหรับการซื้อสินค้าหน้าร้าน
เช่นเดียวกับการกระตุ้นยอดขายออนไลน์ คุณยังสามารถใช้ข้อเสนอเพื่อกระตุ้นยอดขายที่หน้าร้านได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านค้าของคุณเอง หรือที่งานอีเวนต์ เช่น เทศกาล งานแฟร์ หรือมหกรรมสินค้า
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ประสบการณ์การซื้อแบบตัวต่อตัวช่วยสร้างการจดจำแบรนด์และความภักดีได้ดี เพราะลูกค้ามักจดจำประสบการณ์ที่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงได้ดีกว่า
- ใช้โฆษณา Google หรือ Facebook แบบกำหนดพิกัด (Geo-targeting) เพื่อเข้าถึงลูกค้าออนไลน์ที่อาศัยอยู่ใกล้กับหน้าร้านของคุณ
17. ส่วนลดสำหรับผู้เข้าร่วมอีเวนต์
หากคุณจัดอีเวนต์ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ สามารถให้รางวัลกับผู้เข้าร่วมด้วยส่วนลดหรือของขวัญฟรี ซึ่งอาจเป็นส่วนลดที่ใช้ได้ระหว่างงานหรือหลังจากงานจบ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าและเพิ่มความภักดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้มีผู้เข้าร่วมงานครั้งต่อไปมากขึ้น
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- กระตุ้นให้ลูกค้าสนใจอีเวนต์ล่วงหน้าผ่านโซเชียลมีเดียและอีเมลมาร์เก็ตติ้ง
- ใช้แนวคิด “กลัวพลาดโอกาส” (FOMO) โดยเน้นย้ำถึงความพิเศษและความจำกัดของข้อเสนอ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจเข้าร่วม
18. ส่วนลดตามช่วงเวลาสำคัญของลูกค้า
หากธุรกิจของคุณมีโปรแกรมสะสมแต้ม การมอบส่วนลดตามช่วงเวลาสำคัญของลูกค้าจะช่วยเสริมสร้างความภักดี ช่วงเวลาสำคัญเหล่านี้อาจเป็นวันเกิด วันครบรอบการเป็นลูกค้า หรือวันครบรอบการสั่งซื้อครั้งแรก
นอกจากนี้ ยังสามารถมอบส่วนลดเมื่อลูกค้าทำการสั่งซื้อครบจำนวนที่กำหนด หรือมียอดใช้จ่ายถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เพื่อเป็นการขอบคุณที่สนับสนุนแบรนด์
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- แสดงความขอบคุณลูกค้าในข้อความมาร์เก็ตติ้ง เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว
19. ส่วนลด Flash Sale
Flash Sale เป็นโปรโมชันแบบจำกัดเวลา ที่ลดราคาสินค้าในช่วงสั้นๆ เพื่อสร้างความเร่งด่วน และกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อทันที เป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลดีเพราะใช้ FOMO (ความกลัวพลาดโอกาส) ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อแบบไม่ลังเล
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- สร้างกระแสล่วงหน้าผ่านอีเมล SMS และโซเชียลมีเดีย เพื่อกระตุ้นความสนใจของลูกค้า
- ยิ่งช่วงเวลาสั้น ลูกค้ายิ่งรู้สึกต้องรีบซื้อ
- ตรวจสอบว่าสินค้าในสต็อกเพียงพอ และเว็บไซต์สามารถรองรับทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นได้
20. ส่วนลดสำหรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การให้ส่วนลดสำหรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมช่วยจูงใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าอย่างยั่งยืน เช่น ส่วนลดสำหรับสินค้าที่ย่อยสลายได้ง่าย บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก หรือการเลือกใช้วิธีขนส่งที่ลดการปล่อยคาร์บอน
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- มอบส่วนลดเพิ่มเติมหรือคะแนนสะสมสำหรับลูกค้าที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก
- ร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อมอบส่วนลดที่เชื่อมโยงกับการบริจาคหรือการซื้อสินค้า
21. ส่วนลดสำหรับทหาร/นักเรียน
ส่วนลดสำหรับทหารและนักเรียนเป็นสิทธิพิเศษที่มอบให้กับบุคคลที่อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ทางทหาร ทหารผ่านศึก และนักศึกษา เพื่อเป็นเกียรติแก่การรับใช้หรือการศึกษา ส่วนลดประเภทนี้มักเป็นโปรโมชันที่มีตลอดทั้งปี ไม่ได้จำกัดระยะเวลา และมักต้องมีการยืนยันตัวตน
ตัวอย่างเช่น Nike มอบส่วนลด 10% สำหรับทหารและนักศึกษาในสินค้าส่วนใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ทหารต้องยืนยันสถานะผ่าน SheerID ในขณะที่นักศึกษาสามารถใช้ UNiDAYS เพื่อรับสิทธิ์ และสามารถใช้ส่วนลดนี้ได้ทั้งในร้านค้าและออนไลน์
เทคนิคและแนวทางที่ดีที่สุด
- ใช้ระบบยืนยันตัวตนที่เชื่อถือได้ เช่น SheerID เพื่อให้แน่ใจว่าส่วนลดนี้ถูกใช้โดยผู้ที่มีสิทธิ์จริง
- โปรโมตส่วนลดนี้ผ่านเว็บไซต์และที่หน้าร้าน เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่มีสิทธิ์มักมองหาส่วนลดประเภทนี้อยู่แล้ว
ประเภทของข้อเสนอ คูปอง และส่วนลด
มีหลายวิธีที่คุณสามารถใช้ส่วนลดและข้อเสนอเพื่อดึงดูดลูกค้า มาดูประเภทที่พบบ่อยกัน
- ส่วนลดเป็นเปอร์เซ็นต์ – เช่น ลด 10% หรือ 20% จากราคาสินค้า
- ส่วนลดเป็นจำนวนเงิน – เช่น ลด 100 บาท หรือ 500 บาท ตามที่กำหนด
- จัดส่งฟรี – ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์จัดส่งฟรีตามเงื่อนไขที่ร้านค้ากำหนด
- ของแถมหรือฟรีกิฟท์ – เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าครบตามที่กำหนด
บน Shopify สามารถตั้งค่าส่วนลดได้ 2 รูปแบบ
ส่วนลดแบบเปอร์เซ็นต์ 📊
การลดราคาด้วยเปอร์เซ็นต์เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยม สามารถใช้ส่วนลดเล็กๆ เช่น 5% หรือ 10% เพื่อกระตุ้นยอดขาย หรือใช้ส่วนลดที่สูงขึ้น เช่น 20% หรือ 25% เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น หากต้องการเคลียร์สินค้าที่ค้างสต็อก อาจใช้ส่วนลด 50% ขึ้นไป
บน Shopify คุณสามารถใช้ส่วนลดแบบเปอร์เซ็นต์กับสินค้าหลายหมวดหมู่ หลายสินค้า หรือหลายสาขาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดเงื่อนไขพิเศษ เช่น “ซื้อรองเท้า 2 คู่ รับส่วนลด 50% สำหรับเสื้อกันหนาว”
ส่วนลดเป็นจำนวนเงิน 💰
ส่วนลดที่กำหนดเป็นจำนวนเงินมักให้ความรู้สึกเหมือนได้เครดิต ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “ถ้าไม่ใช้ก็เหมือนเสียโอกาส” เช่น “ช้อปครบ 2,000 บาท รับส่วนลดทันที 200 บาท” และหากต้องเลือกระหว่างส่วนลดแบบเปอร์เซ็นต์หรือแบบจำนวนเงิน กฎ 100 (Rule of 100) ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- ถ้าสินค้าราคาต่ำกว่า 100 บาท การใช้ส่วนลดแบบเปอร์เซ็นต์จะดูคุ้มค่ากว่า
- ถ้าสินค้าราคามากกว่า 100 บาท ส่วนลดเป็นจำนวนเงินจะให้ความรู้สึกถึงความคุ้มค่ามากขึ้น
เทคนิคนี้ช่วยสร้างความรู้สึกว่าลูกค้าได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด กระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
การจัดส่งฟรี 🚚
ค่าจัดส่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ลูกค้าละทิ้งตะกร้าสินค้า การเสนอจัดส่งฟรีช่วยลดปัญหานี้และเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
คุณสามารถใช้การจัดส่งฟรีร่วมกับเงื่อนไขการซื้อขั้นต่ำเพื่อเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ในระบบการจัดส่งของ Shopify นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ร่วมกับโปรโมชันอื่นๆ ได้ เช่น โค้ดส่วนลด 20% สำหรับผู้ที่สมัครรับอีเมล เพื่อเพิ่มมูลค่าของข้อเสนอให้ดึงดูดขึ้น
ดูเพิ่มเติม
- เริ่มต้นสร้างร้านค้าออนไลน์ของคุณเองด้วยเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของเรา
ของแถม 🎁
การให้ของแถมเมื่อซื้อสินค้าเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า และหากใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม ยังสามารถช่วยกระตุ้นยอดซื้อเฉลี่ย หรือใช้เพื่อระบายสินค้าที่ขายไม่ออกได้
ร้านสามารถกำหนดเงื่อนไขการรับของแถม เช่น ซื้อครบ 2,000 บาท รับของแถมฟรี หรือ ซื้อสินค้าครบ 5 ชิ้น รับของแถมเพิ่ม ผ่านฟีเจอร์ Buy X, Get Y ใน Shopify
ส่วนลดอัตโนมัติ ✅
ส่วนลดอัตโนมัติ เป็นส่วนลดที่ถูกใช้กับตะกร้าสินค้าที่เข้าเงื่อนไขโดยอัตโนมัติ ลูกค้าจะเห็นส่วนลดตั้งแต่หน้าตะกร้าสินค้า ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนชำระเงิน ทำให้โปรโมชันร้านค้าเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
ข้อดีของส่วนลดอัตโนมัติคือ ลูกค้าไม่ต้องกรอกรหัสส่วนลดเอง และไม่ต้องออกจากหน้าเช็กเอาต์เพื่อค้นหาโค้ดส่วนลดที่อาจพลาดไป ซึ่งช่วยให้ประสบการณ์การซื้อราบรื่นขึ้น และอาจเพิ่มอัตราการซื้อสำเร็จให้กับร้านค้าได้
โค้ดส่วนลด ⌨️
โค้ดส่วนลด เป็นรหัสที่ลูกค้าสามารถกรอกระหว่างขั้นตอนชำระเงินเพื่อรับข้อเสนอพิเศษ ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและใช้ได้ผลเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการมอบส่วนลดให้กับลูกค้าทั้งหมด หรือจำกัดเฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้ที่สมัครรับอีเมลใหม่หรือลูกค้าประจำ
นอกจากนี้ โค้ดส่วนลดยังช่วยติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด ได้อีกด้วย หากคุณกำลังจัดโปรโมชันหลายรายการ การสร้างโค้ดส่วนลดแยกกันแต่ละแคมเปญช่วยให้วัดผลได้ง่ายขึ้นว่าแคมเปญใดส่งผลต่อยอดขายมากที่สุด
โค้ดส่วนลดช่วยเพิ่มยอดขายได้หรือไม่?
ได้ การใช้โค้ดส่วนลด คูปอง และโปรโมชันเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้จริง เพราะราคาที่ลดลงสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ที่อาจยังไม่เคยสนใจสินค้าของคุณมาก่อน
นอกจากนี้ การมอบส่วนลดให้ลูกค้าเดิมยังช่วยเสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์ และกระตุ้นการซื้อซ้ำ ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าซื้อสบู่ล้างมือยี่ห้อเดิมจากร้านของคุณเป็นประจำ การให้คูปองส่วนลดสำหรับสินค้าชิ้นเดิมจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าได้รับการดูแลและใส่ใจ
อย่างไรก็ตาม การใช้โค้ดส่วนลดต้องมีการวางแผนที่ดี เพราะหากใช้มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ ตัวอย่างเช่น Polysleep แบรนด์ที่นอนโฟมต้านเชื้อจุลินทรีย์ ได้นำโค้ดส่วนลดมาใช้เป็นกลยุทธ์อย่างชาญฉลาดในช่วง Black Friday Cyber Monday
ในรายการ Shopify Masters ผู้ก่อตั้งแบรนด์เล่าว่าพวกเขาตั้งใจปล่อยโค้ดส่วนลดให้กับลูกค้าที่สมัครรับอีเมล ล่วงหน้า3 วันก่อนช่วงช็อปปิ้ง ผลลัพธ์คือเกิดกระแสแชร์โค้ดกันในหมู่ครอบครัวและเพื่อนๆ ทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นอย่างมาก
ใช้ข้อเสนอ คูปอง และส่วนลดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อเสนอและส่วนลดอาจไม่เหมาะกับทุกร้านค้าออนไลน์ แต่หากคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน เข้าใจแบรนด์ของตัวเอง และพร้อมทดลองสิ่งใหม่ๆ คุณจะสามารถใช้ข้อเสนอเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมาย สร้างความภักดีจากลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้
ภาพประกอบโดย Eugenia Mello
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรหัสส่วนลดและแนวคิดคูปอง
โค้ดส่วนลดแบบพิเศษ คืออะไร?
โค้ดส่วนลดแบบพิเศษ คือโค้ดที่คุณสร้างขึ้นและแจกให้ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถกรอกรหัสนั้นในขั้นตอนการชำระเงินเพื่อรับส่วนลด โค้ดส่วนลดสามารถเสนอจำนวนเงินหรือเปอร์เซ็นต์ส่วนลดจากการซื้อ และสามารถใช้ได้กับสินค้าบางประเภท คอลเลกชัน หรือกลุ่มลูกค้าเฉพาะ
การตั้งรหัสส่วนลด มีวิธียังไง?
ใน Shopify คุณสามารถสร้างโค้ดส่วนลดได้จาก Shopify Admin โดยเลือกเมนู Discounts ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ จากนั้นเลือก Create Discount และทำตามขั้นตอนเพื่อเลือกประเภทของส่วนลดที่คุณต้องการสร้าง คลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
ประเภทของส่วนลดมีอะไรบ้าง?
ใน Shopify คุณสามารถใช้ 2 ประเภท ได้แก่ โค้ดส่วนลดแบบพิเศษและส่วนลดอัตโนมัติ โดยโค้ดส่วนลดแบบพิเศษสามารถสร้างจาก Shopify Admin และแชร์ให้กับลูกค้า ส่วนลดอัตโนมัติจะถูกนำไปใช้โดยอัตโนมัติในขั้นตอนการชำระเงิน เมื่อมีการซื้อสินค้าตามเงื่อนไขที่กำหนด
ส่วนลดแบบพิเศษใช้ยังไง?
เมื่อคุณแชร์โค้ดให้กับลูกค้า พวกเขาสามารถกรอกรหัสนั้นในช่อง Discount Code บนหน้าชำระเงิน หากคำสั่งซื้อของตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด โค้ดส่วนลดจะถูกนำไปใช้ก่อนการชำระเงิน แต่หากไม่ตรงตามเงื่อนไข ลูกค้าจะเห็นข้อความแจ้งข้อผิดพลาด
โค้ดโปรโมชันหน้าตาเป็นยังไง?
โค้ดโปรโมชันสามารถเป็น "SUMMER20" ซึ่งให้ส่วนลด 20% จากการซื้อสินค้าช่วงฤดูร้อน ลูกค้าสามารถกรอกโค้ดนี้ในขั้นตอนการชำระเงินเพื่อรับส่วนลด