เรียนรู้วิธี Dropship บน Amazon และสร้างธุรกิจดรอปชิปให้สอดคล้องกับกฎของตลาด Amazon
Dropship Amazon เป็นช่องทางการขายที่ช่วยสร้างผลตอบแทนมหาศาลสำหรับผู้ประกอบการ แต่ Dropship Amazon ทำงานอย่างไร และจะทำกำไรให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณได้อย่างไร?
อ่านต่อ! เพื่อเรียนรู้วิธี Dropship บน Amazon พร้อมทั้งค้นหาเครื่องมือดรอปชิปที่ใช้งานง่าย เพื่อเริ่มขายได้ทันที
Dropship Amazon คืออะไร?
Dropship Amazon เป็นโมเดลธุรกิจที่ผู้ขายนำสินค้าขึ้นขายบน Amazon โดยไม่ต้องมีสต็อกสินค้า เมื่อมีการสั่งซื้อ ผู้ขายจะซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ที่จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง
Amazon เปิดให้ Dropshipping ได้หรือไม่?
Amazon อนุญาตให้ทำ Dropshipping บนแพลตฟอร์มได้ หากปฏิบัติตามกฎเหล่านี้:
- คุณต้องเป็นผู้ขายเพียงรายเดียวในรายการสินค้าของคุณ
- ธุรกิจของคุณต้องแสดงตัวเป็นผู้ขายในใบปะหน้า ใบเสร็จ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า
- ข้อมูลทั้งหมดที่ระบุซัพพลายเออร์บุคคลที่สามต้องถูกลบออกก่อนจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า เพื่อป้องกันความสับสน
- คุณต้องรับผิดชอบการรับคืนสินค้าและดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาผู้ขายและนโยบาย Dropshipping ของ Amazon
มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการ Dropship Amazon?
ค่าธรรมเนียมผู้ขายของ Amazon จะแตกต่างกันไปตามประเภทสินค้า แต่ปกติจะอยู่ระหว่าง 8%-15% หากคุณมีอัตรากำไรต่ำในการ Dropship สินค้าบน Amazon ค่าธรรมเนียมนี้อาจลดกำไรของคุณได้
หมวดหมู่สินค้าที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือ และผลิตภัณฑ์ยานยนต์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Amazon คิดค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์จากราคาสินค้ารวม จำนวนค่าธรรมเนียมที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับราคาของสินค้า โดยทุกหมวดสินค้าจะมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำที่ 30 เซ็นต์ (ประมาณ 10 บาท)
นอกจากนี้ คุณจะต้องซื้อแผนการขายเพื่อขายสินค้าบน Amazon
- แผน Individual มีค่าใช้จ่าย 99 เซ็นต์ (ประมาณ 35 บาท) ต่อหน่วยสินค้าที่ขาย
- แผน Professional มีค่าใช้จ่าย $39.99 (ประมาณ 1,400 บาท) ต่อเดือน ไม่ว่าคุณจะขายกี่รายการก็ตาม
Dropship Amazon ทำกำไรได้หรือไม่?
Dropship Amazon มีข้อดีมากมายและสามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอน โดยส่วนใหญ่การขายบน Amazon มาจากผู้ขายอิสระ รวมถึงผู้ที่ทำ Dropshipping ซึ่งไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสินค้าที่ขายไม่ออกหรือค่าขนส่งที่ไม่แน่นอน
อัตรากำไรจากการ Dropshipping สามารถสูงถึง 40% ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้มาก อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า Amazon จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการแนะนำสินค้าจากยอดขายด้วย
วิธีเริ่มต้น Dropship Amazon ใน 6 ขั้นตอน
1. สมัครบัญชีผู้ขาย Amazon
เพื่อขายสินค้าบน Amazon คุณต้องสร้างบัญชีผู้ขาย Amazon โดยไปที่ sellercentral.amazon.com เพื่อลงทะเบียน ซึ่งจะต้องเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจดังนี้
- ที่อยู่อีเมลสำหรับธุรกิจ
- บัตรเครดิตที่สามารถใช้งานระหว่างประเทศได้
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ข้อมูลภาษี
- หมายเลขโทรศัพท์
- บัญชีธนาคารสำหรับรับยอดขาย
2. ขออนุมัติหมวดหมู่สินค้าของคุณ (ถ้าจำเป็น)
Amazon กำหนดให้ผู้ขายต้องขออนุมัติสำหรับสินค้าบางประเภท เช่น ของสะสม เพลง และนาฬิกา ซึ่งเป็นหมวดหมู่ยอดนิยมที่ต้องได้รับการอนุมัติก่อนเริ่มตั้งค่าร้านค้าบน Amazon ตรวจสอบหมวดหมู่สินค้าทั้งหมดเพื่อดูว่าจำเป็นต้องขออนุมัติหรือไม่
โปรดทราบว่าสินค้าบางรายการอาจต้องขออนุมัติ แม้ว่าหมวดหมู่จะไม่ได้กำหนดก็ตาม คุณสามารถค้นหารายการสินค้าเหล่านั้นและคลิก Show Limitations เพื่อดูรายละเอียด
หากคุณกำลังมองหาสินค้าสำหรับ Dropshipping ลองใช้ Product Opportunity Explorer ของ Amazon เพื่อดูว่าความต้องการสินค้าของลูกค้าบน Amazon เปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป
3. เข้าสู่ระบบร้านค้า Shopify ของคุณ
หากคุณยังไม่มีร้านค้า Shopify ลองเริ่มต้นทดลองใช้ฟรี การทำ Dropshipping ผ่าน Shopify จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อรายการสินค้าบน Amazon กับซัพพลายเออร์ได้ง่ายขึ้น
4. เชื่อมบัญชี Amazon กับ Shopify
เมื่อคุณสร้างบัญชี Amazon และขออนุมัติที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว ให้เชื่อมร้านค้า Amazon ของคุณกับ Shopify โดยใช้แอปเชื่อมต่อ Amazon จาก Shopify App Store
แอปเชื่อมต่อ Amazon จะทำหน้าที่เป็นสะพานระหว่าง Amazon และ Shopify โดยช่วยให้คุณ
- จัดการการจัดส่งคำสั่งซื้อโดยอัตโนมัติ
- ให้ข้อมูลการติดตามสินค้าที่อัปเดตแก่ลูกค้า
- ซิงค์ข้อมูลสต็อกสินค้าได้อย่างง่ายดาย
ตัวอย่างแอปที่สามารถใช้งานได้
หลังจากเลือกและติดตั้งแอปที่เหมาะสมแล้ว คุณจะสามารถสร้างรายการสินค้าสำหรับขายและจัดการยอดขายในทั้งสองแพลตฟอร์มได้สะดวกยิ่งขึ้น
5. สร้างรายการสินค้าบน Amazon
สินค้าที่คุณทำ Dropshipping จะไม่ปรากฏบน Amazon โดยอัตโนมัติหลังจากติดตั้งแอปเชื่อมต่อ คุณสามารถจัดการรายการสินค้า Dropshipping Amazon ผ่าน Shopify ได้ 3 วิธี
- เชื่อมรายการสินค้าบน Shopify กับรายการสินค้าบน Amazon โดยใช้แอปเชื่อมต่อ
- เชื่อมรายการสินค้าที่มีอยู่บน Amazon เข้ากับร้าน Shopify
- สร้างรายการสินค้าใหม่สำหรับสินค้าที่ต้องการขายบน Amazon
หากคุณเพิ่งเริ่มต้นบน Amazon และ Dropshipping อาจยังไม่สามารถลงสินค้าจำนวนมากได้ทันที Amazon จะจำกัดจำนวน ASINs (Amazon ID Number) ใหม่ที่คุณสามารถสร้างได้ในแต่ละสัปดาห์ จนกว่าคุณจะเป็นผู้ขายที่มีประสบการณ์มากขึ้น
6. โปรโมตสินค้าของคุณบน Amazon
แม้ตัวเลือกการทำการตลาดบน Amazon จะมีข้อจำกัด แต่ก็ยังมีวิธีโปรโมตสินค้าหลายวิธีที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้
ลงโฆษณา Sponsored Product
หากมีงบการตลาด ลองลงทุนในโฆษณา Sponsored Product ของ Amazon ซึ่งใช้ระบบ Cost-Per-Click (CPC) ช่วยให้สินค้าของคุณแสดงในตำแหน่งที่เด่นขึ้นในผลการค้นหา
ปรับปรุงรายการสินค้าให้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากหน้าสินค้าบน Amazon มีรูปแบบเหมือนกันหมด การใส่ใจรายละเอียด เช่น ชื่อสินค้า รูปภาพ และหัวข้อย่อยในส่วน “About This Item” จึงสำคัญ ควรวางแผนอย่างดี เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มักดูข้อมูลคร่าว ๆ และเปรียบเทียบสินค้ากับตัวเลือกอื่น
ใช้โซเชียลมีเดีย
ไม่มีข้อจำกัดในการโปรโมตลิงก์ Amazon บนโซเชียลมีเดีย คุณสามารถสร้าง Instagram Reels เพื่อโชว์สินค้า หรือลงแคมเปญโฆษณาบน Facebook เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีเลือกซัพพลายเออร์ดรอปชิป
ข้อได้เปรียบหลักในการแข่งขันกับ Dropship Amazon รายอื่นคือราคา และนอกจากการปรับกำไรให้เหมาะสมแล้ว การร่วมมือกับซัพพลายเออร์ดรอปชิปที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณโดดเด่นในตลาดเฉพาะกลุ่มได้ นี่คือสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซัพพลายเออร์
- ซัพพลายเออร์มีการจัดส่งที่น่าเชื่อถือ รองรับพื้นที่ที่ลูกค้าของคุณอยู่
- มีสินค้าที่หลากหลายในตลาดเฉพาะกลุ่มของคุณ และคุณภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าคู่แข่ง
- ไม่มีปัญหาด้านบริการลูกค้า หรือรีวิวแย่ที่เกิดขึ้นบ่อย
- ค่าธรรมเนียมต่อคำสั่งซื้ออยู่ในระดับต่ำ และไม่กระทบต่อกำไรของคุณ
- มี Dropshipper ที่ประสบความสำเร็จรายอื่นใช้บริการซัพพลายเออร์นี้
- ซัพพลายเออร์สามารถแข่งขันในด้านระยะเวลาจัดส่งเฉลี่ยในตลาดเฉพาะกลุ่มของคุณได้
- มีบริการลูกค้า 24/7 เพื่อสนับสนุนธุรกิจของคุณ
ด้วยความนิยมของ Dropshipping ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดบริการซัพพลายเออร์ปลอมหรือไม่ซื่อสัตย์มากขึ้น ควรศึกษาคู่มือ Dropshipping ล่าสุดเพื่อหลีกเลี่ยงผู้ค้าส่งที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น
ซอฟต์แวร์ Dropship Amazon ที่ดีที่สุด
เครื่องมือในรายการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้น Dropship Amazon ได้ง่ายขึ้น
MerchantWords
ซอฟต์แวร์นี้ช่วยตรวจสอบปริมาณการค้นหาและข้อมูลสำหรับคีย์เวิร์ดสินค้า
ราคา: แผนแบบเสียเงินเริ่มต้นที่ $35 (ประมาณ 1,250 บาท) ต่อเดือน
Sellery
ซอฟต์แวร์ปรับราคาสินค้าบน Amazon แบบเรียลไทม์ซอฟต์แวร์นี้แนะนำกลยุทธ์การปรับราคาเพื่อช่วยให้คุณชนะ Buy Box และเพิ่มยอดขาย
ราคา: สามารถทดลองใช้งานฟรี แผนแบบเสียเงินคิดเป็น 1% ของยอดขายรวมต่อเดือน โดยมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ $50 (ประมาณ 1,800 บาท) ต่อเดือน
FeedCheck
ซอฟต์แวร์ตรวจสอบรีวิว FeedCheck ช่วยให้คุณตอบสนองต่อรีวิวของลูกค้าบน Amazon และช่องทางขายอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถติดตามรีวิวและคำถามของสินค้าคู่แข่ง เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงคำอธิบายสินค้า
ราคา: ติดต่อสอบถาม
Seller Tools
ซอฟต์แวร์นี้ช่วยทำให้ร้าน Dropship Amazon ของคุณทำงานอัตโนมัติ โดยรวมฟีเจอร์จัดการคีย์เวิร์ด เครื่องมือบริหารโฆษณาแบบ PPC และเครื่องมือค้นคว้าสินค้า
ราคา: เริ่มต้นที่ $37 (ประมาณ 1,320 บาท) ต่อเดือน สำหรับการใช้ส่วนเสริม Chrome Extension
วิธีเริ่มธุรกิจ Dropship Amazon โดยไม่ต้องใช้เงิน
แม้ว่าผู้ที่ทำ Dropshipping ส่วนใหญ่จะใช้เงินในการสร้างธุรกิจ เช่น สร้างร้านค้าออนไลน์ ผลิตคอนเทนต์ ลงโฆษณา และใช้ซอฟต์แวร์จัดการ แต่การเริ่มต้น Dropship Amazon โดยไม่ต้องเสียเงินเลยก็เป็นไปได้
เลือกแผน Individual Seller
แต่างจากแผน Professional Seller ของ Amazon ที่ต้องเสียค่าสมัครรายเดือน แผน Individual จะคิดค่าธรรมเนียมต่อสินค้าที่ขายได้เท่านั้น คุณจึงไม่ต้องเสียเงินก่อนที่จะมียอดขาย
เลือกซัพพลายเออร์ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
ซัพพลายเออร์ Dropshipping ที่น่าเชื่อถือส่วนใหญ่จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่วงหน้า นั่นหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายให้ซัพพลายเออร์จนกว่าจะมีการขายสินค้าและได้รับเงินจากลูกค้า
หากสามารถสำรองเงินได้เล็กน้อย ควรซื้อสินค้าที่คุณตั้งใจจะขาย การได้ทดลองใช้สินค้าและถือสินค้าจริงจะช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สร้างคอนเทนต์ของคุณเอง
เขียนคำอธิบายสินค้าและรีวิวด้วยตัวเอง ถ่ายภาพสินค้า และสร้างวิดีโอสาธิตสินค้าโดยใช้โทรศัพท์มือถือของคุณ
แม้การสร้างเนื้อหาด้วยตัวเองจะใช้เวลามาก และอาจทำได้ยากหากคุณไม่มีทักษะด้านการเขียนหรือการผลิตสื่อระดับมืออาชีพ แต่ถ้าคุณใส่ใจศึกษาคอนเทนต์ของคู่แข่ง และทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ก็สามารถสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสื่อสารรายละเอียดสำคัญของสินค้า และอธิบายว่าลูกค้าจะได้รับประโยชน์อะไรจากการซื้อสินค้าเหล่านั้น
ใช้ช่องทางการตลาดแบบออร์แกนิก
ช่องทางการตลาดแบบออร์แกนิกเป็นวิธีโปรโมตสินค้าที่เข้าถึงง่ายที่สุด โดยไม่ต้องใช้เงินกับการโฆษณา
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram และ TikTok เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับสินค้า หากเนื้อหาของคุณสามารถสร้างความสมดุลระหว่างความบันเทิงและการโปรโมตได้ ใช้เวลาศึกษาเทรนด์ล่าสุด และใส่ไอเดียของคุณลงไปในมีมยอดนิยม
กลยุทธ์การตลาด SEO คือการปรับเนื้อหาให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มอันดับในผลการค้นหา โดยใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในคำอธิบายสินค้า และทำให้เนื้อหามีประโยชน์ที่สุด เพื่อให้สินค้าของคุณปรากฏบ่อยขึ้นทั้งใน Amazon และ Google
การดำเนินธุรกิจ Dropshipping ด้วยร้านค้าออนไลน์ของคุณเอง
อีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการ Dropship สินค้าบน Amazon ผ่านแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม คือการเริ่มต้นร้านค้าออนไลน์ของคุณเอง เพื่อสร้างรายการสินค้าและโปรโมตสินค้า
การใช้ร้านค้าออนไลน์ของตัวเองอาจเป็นโมเดลธุรกิจ Dropshipping ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวมากกว่า เพราะคุณจะมีการควบคุมบริการลูกค้าได้มากขึ้น และมีความยืดหยุ่นในการทำการตลาดและสร้างแบรนด์ได้ตามที่ต้องการ
ข้อดีของการทำ Dropshipping ผ่านร้านออนไลน์ของคุณเอง
ควบคุมได้มากขึ้น
การสร้างร้านค้าออนไลน์ของตัวเองช่วยให้คุณออกแบบสภาพแวดล้อมการช้อปปิ้งที่เหมาะกับการขายสินค้า สามารถปรับแต่งดีไซน์และรูปแบบร้าน รวมถึงสร้างหน้าสินค้าเฉพาะที่เหมาะกับลูกค้าและตลาดเฉพาะกลุ่ม
ออกแบบที่ง่าย
ด้วยโปรแกรมสร้างร้านค้า เช่น Shopify คุณสามารถออกแบบและบริหารร้านของตัวเองได้โดยไม่มีอุปสรรค และเมื่อร้านเปิดใช้งานแล้ว การเพิ่มฟีเจอร์เสริมเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นยอดขายก็ทำได้ง่าย
คุณสามารถสร้างร้านค้า สร้างแบรนด์ เพิ่มสินค้า และเชื่อมต่อระบบชำระเงิน เพื่อทำการขายครั้งแรกได้ภายในวันเดียว
รองรับการใช้งานบนมือถือ
อย่าปิดกั้นโอกาสให้ลูกค้าช้อปผ่านมือถือ การสร้างร้านค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซช่วยให้เว็บไซต์ของคุณรองรับการใช้งานบนหน้าจอหลากหลายขนาด
ไม่มีค่าธรรมเนียมของบุคคลที่สาม
เมื่อใช้ร้านค้าของตัวเอง คุณไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการแนะนำสินค้าให้ Amazon ซึ่งช่วยเพิ่มกำไรได้อย่างมาก
สร้างธุรกิจที่แท้จริง
การสร้างร้านค้าอิสระช่วยสร้างธุรกิจระยะยาวที่มีเอกลักษณ์ ทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ และสร้างกลุ่มลูกค้าที่ภักดีที่จะแนะนำเว็บไซต์ของคุณให้ผู้อื่น
มีตัวเลือกซัพพลายเออร์และการจัดส่งมากขึ้น
การบริหารธุรกิจ Dropshipping ผ่านร้านค้าของคุณเองช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์กับผู้ค้าส่งหลายรายได้ง่ายขึ้น
ข้อเสียของการทำ Dropshipping ผ่านร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง
ไม่มีฟรีทราฟฟิก
การมีร้านค้าออนไลน์ของตัวเองหมายความว่าคุณต้องรับผิดชอบการสร้างทราฟฟิกทั้งหมด ไม่ว่าจะผ่านการตลาด โซเชียลมีเดีย SEO หรือการโฆษณาแบบเสียเงิน
วิธีการขายอื่นๆ บน Amazon
หากคุณต้องการขายสินค้าบน Amazon แต่คิดว่าธุรกิจ Dropshipping อาจไม่เหมาะกับคุณ ยังมีทางเลือกอื่น เช่น การตลาดแบบพันธมิตร (Affiliate Marketing) และ Fulfillment by Amazon (FBA)
การตลาดแบบพันธมิตรของ Amazon
โปรแกรมพันธมิตรของ Amazon หรือที่เรียกว่า Amazon Associates เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ฟรีและได้รับความนิยมมาก แทนการทำ Dropshipping โดยนักการตลาดพันธมิตรจะโปรโมตสินค้าที่ขายบน Amazon ผ่านเว็บไซต์ โฆษณา หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
เมื่อผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือผู้ใช้โซเชียลมีเดียคลิกลิงก์พันธมิตร พวกเขาจะถูกพาไปยัง Amazon เพื่อทำการซื้อ นักการตลาดพันธมิตรจะได้รับค่าคอมมิชชั่นทุกครั้งที่สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านลิงก์พันธมิตร
อัตราค่าคอมมิชชั่นขึ้นอยู่กับหมวดหมู่สินค้า โดยส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 3%-5% หากต้องการเข้าร่วมโปรแกรมพันธมิตร ควรตรวจสอบว่าเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลมีเดียของคุณตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่
Amazon FBA (Fulfillment by Amazon)
Amazon มีระบบศูนย์บริการจัดส่งสินค้าเองที่เรียกว่า Fulfillment by Amazon (FBA)
ในโมเดลนี้ คุณจะส่งสินค้าของคุณไปยังศูนย์ FBA ของ Amazon ซึ่งทาง Amazon จะดูแลเรื่องการเก็บสต็อก บรรจุภัณฑ์ และการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า รวมถึงจัดการบริการลูกค้าและการคืนสินค้าด้วย
แม้ว่า FBA จะช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้มาก แต่ก็มาพร้อมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าจัดเก็บสินค้าและค่าบริการจัดส่ง
Amazon FBA vs. การดรอปชิป
ทั้ง Amazon FBA และ Dropshipping เป็นโมเดลธุรกิจที่ช่วยให้คุณขายสินค้าได้โดยไม่ต้องจัดเก็บสินค้าเอง
- FBA: Amazon จะดูแลการเก็บสินค้า บรรจุ และจัดส่งสินค้าให้
- Dropshipping: ซัพพลายเออร์บุคคลที่สามจะจัดการเรื่องสต็อกสินค้าและการจัดส่งแทน
ขยายธุรกิจ Dropshipping ของคุณวันนี้ด้วย Shopify
Dropshipping กับ Amazon เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว หากเลือกใช้ Dropshipping ผ่านร้าน Shopify ของคุณ มีเครื่องมือมากมายที่ช่วยจัดการเรื่องการจัดส่ง การค้นหาสินค้า การตั้งราคา และการตลาด อย่าลืมศึกษาทิปส์ Dropshipping ชั้นนำเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจของคุณ!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Dropship Amazon
Dropship Amazon ทำกำไรได้หรือไม่?
Dropshipping เป็นโมเดลธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้ ผู้ประกอบการจำนวนมากประสบความสำเร็จและทำเงินได้จากการ Dropshipping บน Amazon อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้มีการแข่งขันสูง ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถในการระบุตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีกำไร ค้นหาสินค้าคุณภาพดี และทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Dropship Amazon ถูกกฎหมายหรือไม่?
Dropship Amazon เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย แต่ต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ Amazon กำหนด เช่น ต้องเป็นผู้ขายหลักในระบบ และรับผิดชอบการคืนสินค้าและบริการลูกค้า
Dropshipping จาก Amazon ไปยัง eBay ได้หรือไม่?
eBay อนุญาตให้ทำ Dropshipping ได้ แต่การนำสินค้าจาก Amazon ไปลงขายบน eBay และส่งสินค้าจาก Amazon ตรงถึงลูกค้าไม่อนุญาต กล่าวคือ คุณสามารถขายสินค้าบนทั้ง Amazon และ eBay ได้ แต่ไม่สามารถใช้ Amazon เพื่อจัดส่งคำสั่งซื้อของ eBay
การใช้ Amazon FBA เพื่อดรอปชิปคุ้มค่าหรือไม่?
การใช้ Amazon FBA เพื่อจัดส่งสินค้าอาจคุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ใช้ Amazon เป็นช่องทางการขายหลัก และไม่มีทรัพยากรในการเก็บ บรรจุ และจัดส่งสินค้า ในกรณีเหล่านี้ FBA ช่วยให้ผู้ขายเริ่มต้นและขยายธุรกิจได้โดยไม่ต้องมีต้นทุนสูง
สามารถทำ Dropshipping บน Amazon ได้ฟรีหรือไม่?
การขายสินค้าบน Amazon รวมถึง Dropshipping จำเป็นต้องมีบัญชีผู้ขาย แผน Professional มีค่าใช้จ่าย $39.99 (ประมาณ 1,400 บาท) ต่อเดือน ส่วนแผน Individual คิดค่าธรรมเนียม 99¢ (ประมาณ 35 บาท) ต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้น นอกจากนี้ อาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมผู้ขาย ค่าปิดการขาย และค่าธรรมเนียมสำหรับการลงขายสินค้าจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจของคุณ