สำหรับหลายคนที่รักงานสร้างสรรค์ งานอดิเรกอย่างการทำเครื่องประดับเป็นวิธีที่ดีในการผ่อนคลายหลังจากวันที่ยาวนาน แต่ถ้าผลงานของคุณเริ่มได้รับความสนใจจากเพื่อนและคนอื่นๆ ล่ะ ในจุดนี้ คุณอาจถามตัวเองว่า “งานอดิเรกของฉันสามารถกลายเป็นธุรกิจได้ไหมนะ”
ในการเรียนรู้ขั้นตอนเริ่มต้นทำธุรกิจเครื่องประดับ คุณต้องทำความเข้าใจธุรกิจก่อน และบอกได้เลยอย่างนึงว่า ธุรกิจนี้กำลังเติบโต ตลาดเครื่องประดับทั่วโลกคาดว่าจะขยายขึ้นอีก 46,300 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2024 ถึง 2028 พูดง่ายๆ ก็คือ ยังมีพื้นที่มากมายสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่สามารถอุดช่องว่าง หรือนำเสนอมุมมองใหม่ให้กับงานฝีมือแขนงนี้ได้
หากคุณกำลังมองหาวิธีสร้างรายได้อย่างสร้างสรรค์อยู่ล่ะก็ อ่านต่อได้เลย เพราะคู่มือโมเดลธุรกิจ เครื่องประดับฉบับนี้อัดแน่นไปด้วยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นธุรกิจเครื่องประดับของคุณ โดยอิงจากประสบการณ์ของนักออกแบบเครื่องประดับที่สร้างแบรนด์ของตนจากศูนย์
วิธีเริ่มต้นธุรกิจเครื่องประดับใน 9 ขั้นตอน
- หาจุดขายและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
- ศึกษาเทรนด์ธุรกิจเครื่องประดับ
- กำหนดนิยามให้แบรนด์ของคุณ
- ผลิตหรือจัดหาเครื่องประดับ
- เปิดสตูดิโอหรือเวิร์กสเปซสำหรับธุรกิจเครื่องประดับ
- ถ่ายภาพสินค้าอย่างมืออาชีพ
- สร้างร้านออนไลน์
- ทำการตลาดแบรนด์เครื่องประดับ
- ขยายธุรกิจ
1. หาจุดขายและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะให้เจอ
ธุรกิจเครื่องประดับมีตลาดนีชและหมวดหมู่ย่อยเยอะแยะไปหมด
ทุกอย่างตั้งแต่ลูกปัดพลาสติกสีสันสดใสในราคาไม่แพง ไปจนถึงโลหะมีค่าและอัญมณีชั้นสูง หนึ่งในคำถามแรกที่คุณควรถามตัวเองคือ คุณจะขายเครื่องประดับประเภทใด
โมเดลธุรกิจเครื่องประดับ เปิดโอกาสให้คุณสามารถเลือกทำไฟน์จิวเวลรี เครื่องประดับแฟชั่น (หรือที่เรียกว่าเครื่องประดับแฟชั่น) หรือสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองอย่างนี้ก็ได้ แต่ละประเภทก็มีวัสดุ กระบวนการผลิต ราคา และโปรไฟล์ลูกค้าที่แตกต่างกัน
มาดูคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับประเภทหลักๆ ของเครื่องประดับกันเลย
ไฟน์จิวเวลรี
ไฟน์จิวเวลรีอยู่ในระดับสูงสุดของตลาด และสามารถระบุได้จากคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ทำจากโลหะและอัญมณีมีค่า
- ราคาสูงกว่า
- ทำด้วยความชำนาญระดับสูง
- ผลิตในจำนวนที่จำกัด
- สำหรับลูกค้าในกลุ่มลักชูรี งานแต่งงาน และโอกาสพิเศษ
เครื่องประดับแฟชั่น
เครื่องประดับแฟชั่นมักวางขายในร้านค้าเชนและร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถแยกแยะได้จากคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ออกแบบตามเทรนด์ธุรกิจเครื่องประดับในขณะนั้น
- ทำจากลูกปัด ลวด โลหะชุบ พลาสติก และอัญมณีสังเคราะห์
- ราคาต่ำกว่า
- มักผลิตในจำนวนมาก
- สำหรับลูกค้าทั่วไป
เครื่องประดับที่ออกแบบโดยศิลปิน
หมวดหมู่นี้รวมทุกอย่างที่อยู่ระหว่างกลาง เครื่องประดับแฮนด์เมดที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะและวัสดุในระดับกลางจะอยู่ที่นี่ เครื่องประดับที่ทำตามสั่งจะมีคุณสมบัติดังนี้
- วัสดุที่หลากหลายผสมผสานระหว่างราคาถูกและมีค่า (ผ้า โลหะ อัญมณีที่มีค่า อัญมณีสังเคราะห์ ฯลฯ)
- การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร (สะสม ทำตามสั่ง ชิ้นเดียว)
- ทำด้วยช่างที่ชำนาญ
- ราคากลางๆ ตามแต่ชื่อเสียงของนักออกแบบ
- ขายชิ้นงานเด่นๆ สำหรับนักสะสมและลูกค้าที่ซื้อเป็นของขวัญ
เมื่อคุณได้ตีวงหมวดหมู่เครื่องประดับที่คุณจะทำให้แคบลงได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเจาะลึกลงไปยังความเฉพาะตัว สำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณ
เริ่มต้นด้วยการกำหนดว่าลูกค้าในอุดมคติของคุณเป็นอย่างไร (คนที่ชอบอะไรคลาสสิกๆ หรือชอบแฟชั่น เจ้าสาว หรือลูกค้ากลุ่มรักษ์โลก) และตัดสินใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะเป็นเครื่องประดับสำหรับโอกาสพิเศษ (เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยง) หรือสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้จะกำหนดว่าคุณจะทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างไร
สินค้าและหมวดหมู่เครื่องประดับ
เมื่อคุณตัดสินใจเกี่ยวกับตลาดที่จะทำแล้ว ให้พิจารณาว่าคุณจะขายผลิตภัณฑ์หลายประเภท หรือมุ่งเน้นไปที่ประเภทเดียว ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการเจาะลงไปยังความเชี่ยวชาญด้านแหวนหมั้น หรือขยายด้วยคอลเลกชันของเครื่องประดับแฟชั่นที่สามารถนไปมิกซ์แอนด์แมตช์ได้
ลองพิจารณาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่บริษัทเครื่องประดับของคุณจะทำ
- แหวน (ล็อกไซส์หรือปรับไซส์ได้)
- สร้อยคอ (โช้กเกอร์ จี้)
- กำไล (กำไลจากวัสดุแข็ง กำไลแบบคัฟฟ์)
- ตุ้มหู (แบบห้อย แบบหนีบ แบบสตั๊ด)
- แหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน
- นาฬิกา
- แหวนสำหรับนิ้วเท้า บอดี้เชน และเครื่องประดับร่างกายอื่นๆ
- เครื่องประดับเจาะ (จมูก สะดือ)
อย่าลืมคิดเรื่องผลิตภัณฑ์และหมวดหมู่ที่จะมาเสริมกันด้วย แบรนด์เครื่องประดับแบรนด์ Wolf & Moon ขายผลิตภัณฑ์ซิกเนเจอร์ทั้งในรูปแบบเครื่องประดับผมและกระเป๋า
2. ศึกษาเทรนด์ธุรกิจเครื่องประดับ
ก่อนที่คุณจะเริ่มพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณ
ติดตามเทรนด์ธุรกิจเครื่องประดับ
การวิจัยเทรนด์เป็นวิธีหนึ่งในการตรวจสอบว่าคุณเลือกถูกทางหรือไม่ อ่านบล็อกแฟชั่นและเครื่องประดับ และติดตามอินฟลูเอ็นเซอร์ด้านแฟชั่นและครีเอเตอร์คนดังใน TikTok เพื่อก้าวให้ทันเทรนด์ธุรกิจเครื่องประดับของแต่ละฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง สำรวจนักออกแบบเครื่องประดับคนอื่นๆ เพื่อหาแรงบันดาลใจ
และอย่ากลัวที่จะค้นข้อมูล ถ้าใช้ Google Trends คุณจะสามารถดูยอดการค้นหาทั่วโลกของคำค้นที่เฉพาะเจาะจงได้
นอกจากนี้ คุณอาจไปสำรวจเทรนด์ของผู้บริโภคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความต้องการประสบการณ์ที่ปรับแต่งได้อย่าง การสลักข้อความ หรือใช้เทรนด์การช้อปปิ้งแบบรักษ์โลกที่กำลังเติบโตโดยใช้วัสดุที่จัดหามาอย่างมีจริยธรรม
แต่เจ้าของธุรกิจไม่จำเป็นต้องตามเทรนด์เท่านั้น เพราะคุณสามารถใช้ธุรกิจเครื่องประดับของคุณเพื่อเริ่มต้นเทรนด์ของคุณเองได้ นั่นคือสิ่งที่ Biko ผู้ก่อตั้งและนักออกแบบแห่ง Corrine Anestopoulos ทำ โดยเปิดตัวคอลเลกชันจากสไตล์ส่วนตัวของเธอเอง
“บางครั้งฉันก็คิดว่าตัวเองแค่ฟลุ๊ก ฉันพบตลาดสำหรับสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ตั้งใจ” Corrine กล่าว “แต่มันก็แค่รสนิยมของฉันน่ะ” ตอนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Corrine ใช้การเคลือบทองเหลือง “ตอนนั้นไม่มีใครทำแบบนั้น” เธอกล่าว โดยสังเกตว่าเครื่องประดับเงินเงาๆ เป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้น
แม้ว่าคอลเลกชันของ Biko จะพัฒนาไปทุกปีตามเทรนด์ในวงการเครื่องประดับ แต่สิ่งที่ร้อยเรียงทุกอย่างเข้าด้วยกันคือรูปลักษณ์อันน่าจดจำ ซึ่งนิยามตัวตนให้กับแบรนด์และทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
ค้นหาแรงบันดาลใจในการออกแบบเครื่องประดับจากทุกที่
ความสำเร็จในฐานะมือใหม่ในวงการแฟชั่น ไม่ว่าจะด้านใดๆ ก็ย่อมอยู่กับความสวยงามที่โดดเด่นเฉพาะตัว ดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และการสร้างแบรนด์ที่สม่ำเสมอ ก่อนที่จะจ้างนักออกแบบเพื่อพัฒนาแบรนด์หรือสร้างชิ้นงานเฉพาะขึ้นมา เจ้าของธุรกิจควรทำแบบฝึกหัดมาบ้าง เพื่อกำหนดสไตล์โดยรวมที่มีความเฉพาะตัว
ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบหาแรงบันดาลใจจากไหน คุณอาจสร้างกระดาน Pinterest ออกแบบมู้ดบอร์ดแบบดิจิทัลของคุณเอง ใช้แอปมือถือออกแบบเครื่องประดับ หรือแม้กระทั่งทำบอร์ดรวมแรงบันดาลใจโดยใช้กระดานจริงๆ หรือสมุดสก็ตช์
เก็บรวบรวมภาพ สีสัน พื้นผิวของธรรมชาติ สถาปัตยกรรม แฟชั่น หรือการเดินทาง จากนั้นดูว่ามีธีมอะไรผุดขึ้นมา “อย่าหยุดหาแรงบันดาลใหม่ๆ” Corrine กล่าว “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ฉันก็มักจะหาแรงบันดาลใจและเก็บรวบรวมภาพที่สร้างแรงบันดาลใจเอาไว้”
ฉันก็มักจะหาแรงบันดาลใจและเก็บรวบรวมภาพที่สร้างแรงบันดาลใจเอาไว้
– Corrine Anestopoulos ผู้ก่อตั้ง Biko
3. กำหนดนิยามให้แบรนด์ของคุณ
ธุรกิจเครื่องประดับที่ประสบความสำเร็จทุกเจ้ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
จำไว้ว่าการสร้างแบรนด์แตกต่างจากการทำแบรนด์ แบรนด์คือเสียงของคุณ พันธกิจ วิสัยทัศน์ และเรื่องราวของแบรนด์คุณ สิ่งเหล่านี้บอกคนที่จะมาเป็นลูกค้าของคุณว่า พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรกับผลิตภัณฑ์ของคุณ การซื้อสินค้าแฟชั่นมักจะเป็นเรื่องของอารมณ์ และแบรนด์ใหม่ๆ ก็สามารถชนะใจลูกค้าได้โดยการสร้างความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับพวกเขาในระดับส่วนตัว แม้จะผ่านสิ่งที่เรียบง่ายอย่างชื่อแบรนด์
การเล่าเรื่องแบรนด์ของคุณและการค้นหาเสียงของคุณ
แนวทางสำหรับแบรนด์ของคุณจะกำหนดทุกสิ่งที่คุณทำในฐานะแบรนด์ เอกสารสำคัญชุดนี้จะระบุทุกอย่าง ตั้งแต่น้ำเสียงไปจนถึงพันธกิจและค่านิยม ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารของคุณมีความสอดคล้องสม่ำเสมอ แม้คุณจะกำลังขยายธุรกิจ
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์เครื่องประดับ
- เข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ พวกเขาพูดอย่างไร น้ำเสียงและคำแบบไหนที่จะตรงใจพวกเขา
- กำหนดน้ำเสียงของแบรนด์และแนวทางของน้ำเสียง
- เล่าเรื่องราวของคุณผ่านหน้า ‘เกี่ยวกับ’
- เพิ่มตัวตนให้กับโพสต์ในโซเชียลมีเดียของคุณ โดยการแชร์กระบวนการและแรงบันดาลใจเบื้องหลังการออกแบบ
บรรจุภัณฑ์ โลโก้ และเอกลักษณ์ของแบรนด์
การสร้างแบรนด์หมายถึงองค์ประกอบเชิงกลยุทธ์ ที่เป็นตัวแทนของแบรนด์ผ่านสิ่งที่ตาเห็น เช่น โลโก้ บรรจุภัณฑ์ นามบัตร และเว็บไซต์
เมื่อคุณได้วางกรอบได้แล้วว่าสุนทรียภาพของแบรนด์จะเป็นแบบใด เลือกชื่อแบรนด์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ และทำโปรไฟล์กลุ่มลูกค้าได้ชัดเจนแล้ว คุณก็จะสามารถกำหนดนิยามให้กับลุคโดยรวมของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ขั้นตอนนี้นับว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง กับธุรกิจเล็กๆ ก็ด้วย ดังนั้นอย่ารีบร้อน
งานดีไซน์ที่ต้องทำในขั้นตอนการสร้างแบรนด์ สำหรับมือใหม่หัดเปิดทำเครื่องประดับ
- เลือกฟอนต์ สี และสไตล์การถ่ายภาพ
- สร้างโลโก้เองโดยใช้เครื่องมือสร้างโลโก้ฟรี หรือจ้างมืออาชีพ
- สร้างคลังสำหรับเก็บองค์ประกอบกราฟิกของแบรนด์ อาทิ โลโก้ในหลากหลายเวอร์ชัน และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะปรากฏบนบรรจุภัณฑ์ โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ของคุณ
- เลือกชื่อโดเมนที่จำง่าย เพื่อช่วยให้ลูกค้าของคุณค้นหาและจดจำเว็บไซต์ของคุณได้
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้าและวัสดุการจัดส่งที่สร้างสรรค์ให้ตรงกับตัวตนของแบรนด์
ถ้าคุณมีงบเยอะ ให้ร่วมมือกับนักออกแบบเพื่อนำวิสัยทัศน์ของคุณมาแปลงเป็นแพ็กเกจสร้างแบรนด์ ที่สมบูรณ์สำหรับธุรกิจของคุณ ตั้งแต่โลโก้และเว็บไซต์ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์และวัสดุการตลาด ดูผลงานของ Shopify Design Partner เพื่อค้นหานักออกแบบที่สร้างงานตรงใจคุณ
อย่าลืมว่าคุณยังต้องกันงบประมาณบางส่วนไว้สำหรับจ้างช่างภาพมืออาชีพถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ด้วย เดี๋ยวเราจะมาว่ากันถึงความสำคัญของการถ่ายภาพเครื่องประดับในส่วนต่อๆ ไปของบทความนี้
การเขียนแผนธุรกิจเครื่องประดับ
คุณอาจไม่จำเป็นต้องมีแผนธุรกิจอย่างเป็นทางการ ถ้าคุณไม่ได้มีแผนจะนำเสนอแนวคิดของคุณต่อนักลงทุน หรือขอเงินทุนจากภายนอกในช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การมาลองใช้เทมเพลตแผนธุรกิจ ก็นับว่าเป็นแบบฝึกหัดที่ดี ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย เป้าหมายของธุรกิจ โมเดลธุรกิจ ค่าใช้จ่าย และแผนการเติบโต นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์กับการเรียนรู้วิธีการดำเนินธุรกิจเครื่องประดับด้วย
แผนธุรกิจของคุณสามารถเป็นเค้าโครงร่างของพันธกิจและค่านิยมของแบรนด์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับนักลงทุนที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณได้
4. ผลิตหรือจัดหาสินค้าครื่องประดับ
วิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะด้วยมือหรือผลิตในโรงงาน ผลิตเองในบริษัทหรือจ้างโรงงานผลิต ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการออกแบบ ราคา วัสดุ และระดับทักษะเชิงช่างที่ต้องการ ในส่วนนี้ เราจะพูดถึงวิธีการเริ่มต้นธุรกิจเครื่องประดับผ่านวิธีการผลิตและการจัดหาผลิตภัณฑ์ 5 วิธี ดังนี้
- การผลิตเครื่องประดับไฟน์จิวเวลรีและชิ้นเดียวแฮนด์เมด
- การผลิตเครื่องประดับแฟชั่นแฮนด์เมด
- การจ้างโรงงานผลิตเครื่องประดับ
- การผลิตเครื่องประดับกับบริษัทรับทำตามสั่ง
- การคัดเลือกเครื่องประดับและขายแบบดรอปชิปและการรีเซล
1. การผลิตเครื่องประดับไฟน์จิวเวลรีแฮนด์เมดชิ้นเดียวในโลก
การทำเครื่องประดับชิ้นเดียวแบบแฮนด์เมดอาจเป็นหนึ่งในวิธีการผลิตที่ซับซ้อนที่สุด แต่ก็มีความหลากหลายมากที่สุดเช่นกัน
วิธีการผลิตเครื่องประดับที่ทำตามสั่งบางวิธีก็ต้องทำโดยผู้ที่ได้รับการฝึกเฉพาะทางมาก่อนหรือมีใบอนุญาต ขึ้นอยู่กับวัสดุและการออกแบบ และอุปกรณ์ที่ใช้ก็มีราคาแพง คุณอาจต้องเรียนรู้วิธีการเหล่านี้ไว้ด้วย อาทิ
- การเชื่อม
- การทำเงิน/ทอง
- การหล่อ
- การพิมพ์สามมิติ
- การตัดด้วยเลเซอร์
- การทำเครื่องหนัง
- การทอ
- การฝังอัญมณี
ลองเริ่มจากการดูวิดีโอสอนฟรีทางออนไลน์เพื่อเรียนรู้วิธีทำเครื่องประดับ จากนั้นคุณสามารถขยับเป็นชั้นเรียนแบบชำระเงิน หรือฝึกงานกับช่างฝีมือที่มีประสบการณ์เพื่อเพิ่มพูนทักษะของคุณ
2. การผลิตเครื่องประดับแฟชั่นแฮนด์เมด
เครื่องประดับแฟชั่นแฮนด์เมดมักจะเป็นเรื่องของการทำส่วนประกอบต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว เช่น โซ่ ลวด ลูกปัด จี้หล่อ มาประกอบเข้าด้วยกัน และไม่ต้องอาศัยการฝึกอบรมหรืออุปกรณ์พิเศษนอกเหนือจากเครื่องมือพื้นฐาน
ธุรกิจประเภทนี้สามารถขยับขยายได้ง่าย เนื่องจากคุณสามารถซื้อส่วนประกอบต่างๆ แบบยกโหล และสร้างแม่แบบมาให้พนักงานฝ่ายผลิตมาประกอบชิ้นงานได้
ถ้าการออกแบบและการผลิตเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข ไม่ใช่งานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเครื่องประดับ ก็ให้คุณจ้างผู้อื่นมารับหน้าที่อื่นแทน เพื่อช่วยให้คุณสามารถผลิตชิ้นงานได้มากขึ้น
Corrine ผู้ก่อตั้ง Biko ติดต่อมหาวิทยาลัยมีดังด้านการสื่อสารแฟชั่นในย่านที่เธออยู่ เพื่อหานักศึกษาฝึกาน “ฉันไม่เคยมองหาคนที่สนใจในการออกแบบ” เธอกล่าว “สิ่งที่ฉันต้องการคือคนที่จะช่วยให้ฉันมีเวลาออกแบบมากขึ้น”
3. การจ้างโรงงานผลิตเครื่องประดับ
แทนที่จะทำเครื่องประดับด้วยมือ คุณสามารถให้ผู้อื่นผลิตชิ้นงานออกแบบของคุณได้ วิธีนี้อาจไม่เหมาะสำหรับไฟน์จิวเวลรีที่ทำตามสั่ง หรือผลิตเพียงชิ้นเดียว แต่เป็นวิธีที่จะประหยัดต้นทุนให้กับเครื่องประดับแฟชั่นได้มากๆ เมื่อผลิตในจำนวนเยอะ ตัวเลือกในการจ้างโรงงานผลิตจิวเวลรีนั้นก็มี 2 ตัวเลือก ได้แก่ โรงงานในประเทศและต่างประเทศ
- การผลิตในประเทศ มีข้อดีคือ “ผลิตในประเทศ” และสร้างโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์และควบคุมการผลิตได้ง่ายขึ้น ข้อเสียก็อย่างเช่น ต้นทุนอาจจะสูงกว่า มีตัวเลือกที่จำกัด และมีปริมาณการผลิตที่จำกัด
- การผลิตต่างประเทศ อาจเป็นทางออกที่ดีหากคุณต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายให้ต่ำ (สำหรับผู้ที่ผลิตจำนวนมาก) และมีตัวเลือกโรงงานมากขึ้น ความท้าทายที่อาจเจอก็เช่น อุปสรรคด้านการสื่อสาร ควบคุมดูแลได้น้อยกว่า และปัญหาการจัดส่งที่เกิดจากความล่าช้าในห่วงโซ่อุปทาน
ภาพสเก็ตช์หรือภาพเรนเดอร์สามมิติที่ตรงกับงานออกแบบของคุณเป๊ะ เป็นสิ่งจำเป็นหากคุณจ้างโรงงานผลิต ซึ่งก็มีหลายตัวเลือก ขึ้นอยู่กับระดับทักษะและงบประมาณของคุณ:
- ใช้อุปกรณ์ออกแบบด้วยมือ: ดินสอ กระดาษสเก็ตช์ แม่แบบการออกแบบเครื่องประดับ (฿)
- ซอฟต์แวร์ออกแบบสองมิติหรือสามมิติทั่วไป: Photoshop, Illustrator, SketchUp (฿฿)
- ซอฟต์แวร์ออกแบบสำหรับเครื่องประดับโดยเฉพาะ (ดีที่สุดสำหรับไฟน์จิวเวลรี): RhinoGold, MatrixGold (฿฿฿)
4. การผลิตเครื่องประดับกับบริการพิมพ์ตามสั่ง
วิธีการผลิตที่ไม่ต้องลงมือทำเองมากที่สุดคือการอัปโหลดงานออกแบบของคุณไปยังแอปบริการพิมพ์ตามสั่ง งานออกแบบของคุณจะพิมพ์ออกมาแบบสามมิติ หรือผลิตขึ้นมาด้วยสแตนเลส ไม้ พลาสติก ทอง หรือเงิน และจัดส่งตรงถึงลูกค้าของคุณ
Shopify App Store นั้นก็เต็มไปด้วยบริษัทที่สามารถเปลี่ยนการออกแบบของคุณให้เป็นสินค้าหลากประเภท ตั้งแต่แก้ว เสื้อยืด ไปจนถึงเครื่องประดับเลยทีเดียว
5. การคัดเลือกเครื่องประดับขายแบบดรอปชิปและรีเซล
หากคุณไม่ใช่คนที่มีหัวศิลปะมาก แต่มีใจรักเครื่องประดับ ให้พิจารณาการรีเซล และคัดเลือกชิ้นงานเครื่องประดับจากนักออกแบบคนอื่นๆ มาขายในร้านค้าออนไลน์ของคุณ คุณจะสต๊อกของและจัดส่งเอง หรือเลือกใช้บริการดรอปชิปเครื่องประดับก็ได้
หากใช้บริการดรอปชิป คุณก็ไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้า เพราะคุณสามารถขายผลิตภัณฑ์ผ่านร้านเครื่องประดับออนไลน์ของคุณ และคำสั่งซื้อนั้นก็จะถูกจัดส่งถึงลูกค้าของคุณโดยเวนเดอร์
5. เปิดสตูดิโอหรือเวิร์กสเปซ สำหรับธุรกิจเครื่องประดับ
หากคุณเลือกที่จะผลิตเครื่องประดับเองในบริษัทหรือบ้าน คุณจะต้องมีพื้นที่ทำงานสำหรับคุณและทีมงาน ในการเปิดพื้นที่นี้ คุณต้องพิจารณาประเด็นต่อไปนี้
- ความคล่องตัว ดูว่าโฟลว์ของพื้นที่เป็นอย่างไร โดยเฉพาะถ้าการประกอบมีหลายขั้นตอน คุณเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในลำดับที่เหมาะสมได้หรือไม่
- ความปลอดภัย สารเคมีบางอย่างหรือเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการทำเครื่องประดับ ต้องการการระบายอากาศและมาตรการด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม ให้คุณตรวจสอบกับหน่วยงานท้องถิ่นที่ควบคุมดูแลใช้สารเคมีและกระบวนการเหล่านี้ก่อน
- พื้นที่จัดเก็บ พื้นที่จัดเก็บที่เป็นระเบียบและมีหลายช่องให้เก็บนั้นมีความสำคัญกับชิ้นส่วนเล็กๆ
“โต๊ะทำเครื่องประดับ เครื่องมือหมุนแบบโรตารี และความปลอดภัยของคุณจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” Gillian Johnson ผู้ก่อตั้ง Hawkly แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติแคนาดา กล่าว “เครื่องมือหมุนแบบโรตารีเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมและใช้งานได้หลากหลาย คุณสามารถใช้เจาะ เก็บงาน และขัดชิ้นงานได้” เธอยังแนะนำให้ใช้หน้ากากและแว่นตานิรภัย และสำหรับผู้ที่มีผมยาวก็ให้มัดผมให้เรียบร้อย เพื่อให้ผมไม่เข้าไปพันกับเครื่องมือ
หากทีมงานฝ่ายผลิตของคุณมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือความต้องการของคุณซับซ้อนกว่านี้ เช่น การทำงานกับโลหะหรือการทำเครื่องประดับเงิน ให้พิจารณาใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์นอกบ้าน ถ้ามันเกินงบของคุณในช่วงเริ่มต้น ให้มองหาพื้นที่สตูดิโอแบบแชร์กับผู้อื่น หรือแชร์ค่าใช้จ่ายสำหรับการเช่าพื้นที่และอุปกรณ์กับครีเอเตอร์คนอื่นๆ Gillian แชร์สตูดิโอของเธอกับธุรกิจอีก 2 เจ้า
การแชร์พื้นที่ยังช่วยต่อสู้กับความโดดเดี่ยวของเจ้าของกิจการด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ Corrine คุ้นเคยดี “หลังจากทำ Biko เต็มเวลาไประยะหนึ่ง ฉันก็ไปทำงานที่ร้านเสื้อผ้าสัปดาห์ละครั้ง เพื่อไม่ให้เฉาอยู่ในสตูดิโอที่บ้าน”
อุปกรณ์และเครื่องมือทำเครื่องประดับ
มีแหล่งข้อมูลออนไลน์มากมายเกี่ยวกับวิธีการทำเครื่องประดับออนไลน์ รวมถึงอุปกรณ์ทำเครื่องประดับ เครื่องมือ และวัสดุ รวมถึงอัญมณีมีค่า และโลหะดิบแบบขายส่ง
Gillian พึ่งการบอกต่อๆ กันเมื่อเป็นเรื่องของแหล่งขายส่ง “อย่ากลัวที่จะถามนักออกแบบคนอื่นว่าพวกเขาหาวัสดุจากที่ไหน” เธอกล่าว
เธอยังไปงานแสดงสินค้าและอีเวนต์ของวงการ เพื่อขยายเครือข่ายและสำรวจวัสดุใหม่ด้วย “อีเวนต์ที่ฉันชอบเวลาจะหาหินชนิดใหม่ๆ หรือเงินก็คือที่ Tucson Gem and Jewelry Show” Gillian กล่าว “มีเวนเดอร์หลายพันรายจากทั่วโลกเลยทีเดียว”
6. ถ่ายภาพสินค้าอย่างมืออาชีพ
การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์สามารถแจ้งเกิดหรือดับร้านค้าออนไลน์ของคุณได้เลย สิ่งนี้เป็นจริงในหลายธุรกิจ แต่มีความสำคัญเป็นพิเศษกับแบรนด์ในธุรกิจแฟชั่น
ในหลายกรณี เพียงแค่จัดแสงง่ายๆ คุณก็สามารถถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยสมาร์ทโฟนของคุณ อย่างไรก็ตาม เครื่องประดับอาจเป็นเรื่องท้าทายหน่อย เพราะมันมีรายละเอียดเล็กๆ และพื้นผิวที่สะท้อนแสง
อย่าประหยัดงบถ่ายภาพ
– Corrine Anestopoulos
“อย่าประหยัดงบถ่ายภาพ” Corrine กล่าว แม้ว่าคุณจะมีงบประมาณจำกัด แต่ช่างภาพมืออาชีพก็สามารถทำให้ผู้แสดงแบบไม่รู้สึกเกร็ง และจัดแสงแบบซับซ้อนให้คุณได้ด้วย
ทีมงานที่จะมาเสริมในทีมช่างภาพของคุณก็คือสไตลิสต์ ช่างแต่งหน้า และผู้ช่วย
การจ้างผู้แสดงแบบไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล “ยังไงก็ต้องมีคนที่อยากจะเก็บพอร์ตหรือยินดีเป็นแบบให้กับผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว” เธอกล่าว “นี่ไม่ใช่การเอาเปรียบใคร ทุกคนเป็นมือใหม่กันทั้งนั้น ถ้าคุณรวมกลุ่มกันและร่วมมือกัน คุณสามารถสร้างเวทมนตร์ขึ้นมาด้วยกันได้”
เวลาถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ของคุณ สิ่งสำคัญคือการนำเสนอถ่ายภาพถ่ายในหลายๆ มุม โดยถ่ายออกมา 2 ชุด ดังนี้
- ภาพผลิตภัณฑ์ เป็นภาพผลิตภัณฑ์ชัดๆ บนพื้นหลังที่สะอาดตา เพื่อลดสิ่งรบกวน ขับเน้นรายละเอียด และนำเสนอผลิตภัณฑ์ในมุมต่างๆ กัน เมื่อนำไปวางบนหน้าคอลเลกชั่น ภาพเหล่านี้จะทำให้เว็บดูสะอาดตาและไปในทิศทางเดียวกัน
- ภาพไลฟ์สไตล์ ภาพนี้คือภาพชุดรอง ผลิตภัณฑ์จะอยู่บนตัวผู้แสดงแบบเพื่อแสดงให้เห็นขนาดจริงๆ ของผลิตภัณฑ์บนร่างกาย นำเสนอไอเดียในการจับคู่กับเสื้อผ้าให้กับลูกค้า (เหมาะกับการขายเพิ่มด้วย คุณสามารถจูงใจให้ลูกค้ารวมชิ้นงานหลายๆ ชิ้นเข้าด้วยกันในลุคเดียว) ภาพเหล่านี้จะอยู่บนหน้าผลิตภัณฑ์หรือในเล่มลุคบุ๊คก็ได้ และมักจะเหมาะกับโพสต์ในโซเชียลมีเดีย
ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีอื่นๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนแล้วล่ะก็ ลองจับมือกับแบรนด์เสื้อผ้า เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการถ่ายภาพ หรือให้กับบรรณาธิการแฟชั่นยืมเครื่องประดับของคุณไป ถ่ายภาพ เพื่อแลกกับภาพผลิตภัณฑ์และการทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จัก
💎 บทความแนะนำ
- วิธีถ่ายภาพเครื่องประดับ พร้อมเคล็ดลับดีๆ
- การเตรียมตัวถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ให้ออกมาปังสุดๆ
- คู่มือ 6 ขั้นตอนในการใช้แสงธรรมชาติถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ที่คุณเองก็ทำได้
7.สร้างร้านค้าออนไลน์
เมื่อคุณวางแผนการผลิต แบรนด์ และการถ่ายภาพเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลานำทุกอย่างมารวมเข้าด้วยกัน ในการเริ่มต้นไลน์เครื่องประดับของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องมีเว็บไซต์แพงๆ และซับซ้อนเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ คุณสามารถเปิดร้านใน Shopify โดยใช้ธีมฟรีที่คุณปรับแต่งเองได้ โดยใช้องค์ประกอบกราฟิกของแบรนด์ ฟอนต์ และสีของคุณเอง
เลือกเทมเพลตเว็บไซต์ที่เหมาะกับเครื่องประดับของคุณ และให้เน้นภาพถ่ายให้เด่นเข้าไว้ ธีม Shopify ที่เราแนะนำสำหรับธุรกิจเครื่องประดับก็ได้แก่
ธีมสไตล์สะอาดตาออกแบบมาเพื่อชูให้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของคุณโดดเด่น และตัวเลือกส่วนใหญ่มาพร้อมความง่ายในการปรับแต่ง แบบที่คุณเองก็ทำได้แม้จะไม่ใช่นักออกแบบหรือโปรแกรมเมอร์
หน้าและคอนเทนต์ที่จำเป็น
หน้าและรายละเอียดต่อไปนี้สำคัญกับเว็บไซต์ธุรกิจเครื่องประดับออนไลน์
- หน้าแรก รูปภาพแบบไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่ในหน้าแรกของร้าน สามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้ทันที รักษาหน้านี้ให้สะอาดตา และเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์และคอลเลกชันทั้งที่ใหม่และที่กำลังเป็นที่นิยม พร้อม CTA ที่ชัดเจน
- หน้าคอลเลกชัน แบ่งผลิตภัณฑ์ของคุณออกเป็นคอลเลกชัน โดยใช้เกณฑ์ตามประเภท ราคา วัสดุ หรือโอกาสในการสวมใส่
- หน้าผลิตภัณฑ์ หน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์ (PDPs) รวบรวมข้อมูลสำคัญ เช่น ขนาด วัสดุ และคำแนะนำในการดูแลเอาไว้ หน้านี้ต้องมีภาพถ่ายหลายภาพเพื่อให้เห็นครบทุกมุม
- หน้าคำถามที่พบบ่อย, การติดต่อ และเกี่ยวกับ นี่คือหน้าสำคัญสำหรับร้านค้าอีคอมเมิร์ซทุกร้าน ให้คุณเน้นไปที่การบริการลูกค้าและการเล่าเรื่องแบรนด์ของคุณ
ข้อความในทุกหน้าบนเว็บไซต์ควรสะท้อนเสียงของแบรนด์และสร้างแรงบันดาลใจ (คุณต้องการให้ลูกค้ารู้สึกอย่างไร) ทั้งยังมีรายละเอียดครบถ้วนและเป็นประโยชน์ คำอธิบายผลิตภัณฑ์ ควรเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของแบรนด์และมีรายละเอียดเชิงเทคนิคระบุเอาไว้
แอปสำหรับธุรกิจเครื่องประดับ
มีหลายแอปใน Shopify App Store ที่คุณสามารถเพิ่มลงในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อช่วคุณดำเนินธุรกิจเครื่องประดับในทุกด้าน ตั้งแต่การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า การลดจำนวนการคืนสินค้า และการเพิ่มคอนเวอร์ชัน ตัวอย่างแอปเพื่อช่วยคุณดำเนินธุรกิจเครื่องประดับที่เราแนะนำ ได้แก่
- Loox - Photo Reviews & Photos รวบรวมและเพิ่มรีวิวภาพจากลูกค้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ
- Instagram Shop by Sauce สร้างแกลเลอรีที่สามารถช้อปได้จากฟีด Instagram ของคุณ
- Kiwi Size Chart & Recommender สร้างชาร์ตขนาดที่คุณปรับแต่งเองได้ เพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้อย่างมีข้อมูล
8. ทำการตลาดแบรนด์เครื่องประดับออนไลน์ของคุณ
แฟชั่นและเครื่องประดับเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง แล้วลูกค้าจะได้ยินเสียงของคุณโดดเด่นออกมาจากเสียงรบกวนอื่นๆ ได้อย่างไรล่ะ กลยุทธ์การตลาดที่ดี นั้นขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณของคุณ และอาจต้องมีการลองผิดลองถูกกันบ้าง การได้มาซึ่งลูกค้าเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างต่อเนื่องสำหรับแบรนด์ของคุณ เรามาดูตัวอย่างวิธีเริ่มต้นกันเลย
การตลาดผ่านโซเชียล
การขายเครื่องประดับไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องมุ่งแต่จะขายๆๆ ให้กับผู้ติดตามอย่างเดียว Corrine แนะนำให้คั่นระหว่างโพสต์ที่เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ด้วยคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจ “พอผ่านไปสักพัก คุณจะตระหนักว่าคุณได้รับแรงบันดาลใจจากบรรดาโพสต์ในเรื่องที่คล้ายๆ กัน และมันก็ได้บอกเล่าเรื่องราวของมันเอง”
โฟกัสที่โซเชียลมีเดียแต่ละอันแยกกันเพื่อทดลองว่าคอนเทนต์แบบไหนเวิร์ก โซเชียบเน็ตเวิร์กแต่ละอันก็มีสไตล์ของตัวเอง เช่น TikTok ก็ดังในเรื่องคลิปสั้นๆ ตลกๆ และเป็นธรรมชาติ ในขณะที่ Instagram จะเหมาะกับภาพและคลิปที่แต่งแต้มมาอย่างดีแล้วมากกว่า ถึงจะพอเป็นไปได้อยู่บ้างที่คุณจะได้ความสนใจจากโพสต์ออร์แกนิก แต่ให้ลองคิดเรื่องการจ่ายเงินซื้อโฆษณาบนโซเชียลมีเดียดู เพื่อเจาะจงกลุ่มประชากรที่คุณต้องการและเพิ่มการเข้าถึง
การคอลแล็บและทำการตลาดผ่านอินฟลูเอ็นเซอร์
Corrine ยังประสบความสำเร็จในการใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ใน Instagram โดยนำผลิตภัณฑ์ไปแลกกับโพสต์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเธอ เธอเล่าว่าว ก่อนที่จะติดต่อไป คุณต้องอย่าลืมทำให้รูปภาพและแฮชแท็กใน Instagram นั้นมีเนื้อหามากพอ เพื่อแสดงให้อินฟลูเอ็นเซอร์เห็นว่า แบรนด์ของคุณตรงกับสไตล์ของพวกเขาหรือไม่ “การสร้างไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำมีค่ามากกว่าอะไรทั้งนั้น” เธอกล่าว
การตลาดอินฟลูเอ็นเซอร์นั้นให้การพิสูจน์ทางสังคมในระดับที่คุณไม่สามารถหาได้จากการโฆษณาแบบตรงไปตรงมา ผู้บริโภคอายุน้อยเชื่อถือครีเอเตอร์บนโซเชียลมีเดียมากขึ้น ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ Shopify Collabs เป็นที่ที่ยอดเยี่ยมในการติดต่อกับอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ต้องการโปรโมทผลิตภัณฑ์ของคุณ
อีกวิธีหนึ่งในการใช้ประโยชน์จากการตลาดแบบออร์แกนิกคือการคอลแล็บกับแบรนด์อื่น ผ่านการร่วมกันจัดโปรโมชั่น จัดอีเวนต์ จัดกิจกรรมแจกของรางวัลคู่กัน หรือคอลแล็บกับแบรนด์ที่เข้ากันได้เพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่
การประชาสัมพันธ์สำหรับแบรนด์เครื่องประดับ
การตลาดเครื่องประดับอาจมีความท้าทายเป็นของตัวเอง เมื่อ Corinne สังเกตเห็นการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในปี 2011 เธอจึงลงทุนรีแบรนด์ Biko จากนั้นจึงจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลออกไป “การทำงานกับบริษัทประชาสัมพันธ์มีค่าใช้จ่ายสูง แต่มีคุ้มค่ามากจริงๆ” เธอกล่าว “เพราะฉันได้รับการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่ได้มา ฉันขายสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งได้ 5,000 ดอลลาร์ หลังจากที่สร้อยข้อมือเส้นนั้นไปอยู่ในบทความ”
คุณควรลองใช้กลยุทธ์การตลาดทุกรูปแบบ ตั้งแต่ SEO สำหรับอีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงการตลาดทางอีเมล และวิเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อดูว่ากลยุทธ์ใดได้ผลดีที่สุดสำหรับแบรนด์ของคุณ
ร้านป๊อปอัป ร้านค้าส่ง และตลาดนัดศิลปะ
เส้นทางอาชีพของ Corinne เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอได้รับเชิญให้ไปเปิดบูธในงานแสดงเสื้อผ้าในละแวกที่เธออยู่ ตอนนั้นเธอแค่ทำเครื่องประดับเป็นงานอดิเรก ถึงงานจะจัด 2 วัน แต่เธอก็ขายหมดตั้งแต่วันแรก ซึ่งพิสูจน์ว่าไอเดียของเธอเป็นของจริง และช่วยเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบให้กลายเป็นธุรกิจ
ตลาดเปิดโอกาสให้พบปะลูกค้าและฟังเสียงตอบรับโดยตรง
Corinne Anestopoulos
การไปเปิดร้านในตลาดงานแฮนด์เมดไม่เพียงแต่เป็นช่องทางที่ดีเยี่ยมสำหรับแบรนด์น้องใหม่ในการสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มเป้าหมายของงาน และพิสูจน์ว่าไอเดียนั้นทำได้จริงเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญกับธุรกิจออนไลน์ที่ก่อตั้งมานานด้วย “ตลาดเปิดโอกาสให้พบปะลูกค้าและฟังเสียงตอบรับโดยตรง” Corinne กล่าว
ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการไปออกบูธที่ตลาดคือการจัดงานในสตูดิโอของคุณเอง “การขายตัวอย่าง เป็นวิธีที่ดีในการระบายสินค้าเก่าและเชิญชวนผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่และกระบวนการทำงานของคุณ” Corinne กล่าว หรือถ้าพื้นที่ของคุณเองไม่เอื้อต่อการเยี่ยมชม ให้จัดงานป๊อปอัปในร้านขายเครื่องประดับของร้านค้าปลีกเจ้าอื่นๆ
Corinne ยังขยายธุรกิจของเธอในช่วงแรกด้วยข้อตกลงการฝากขายและการขายส่ง ซึ่งเธอได้รับจากการติดต่อกับร้านค้าปลีกในพื้นที่โดยตรง การสุ่มสี่สุ่มห้าโทรไปหาลูกค้าโดยตรงเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธสูง แต่เธอบอกว่า คุณแค่ต้องการให้มีคนตอบว่า "ได้สิ" เพียงครั้งเดียวเพื่อเริ่มต้นทุกอย่าง
9. ขยายธุรกิจของคุณ
สำหรับธุรกิจใหม่ๆ ให้เริ่มจากอะไรเล็กๆ อย่างการเอาผลิตภัณฑ์ของคุณไปเสนอให้กับร้านในละแวกบ้านก่อน เมื่อธุรกิจของคุณโตขึ้น คุณก็จะสามารถขยับขยายธุรกิจไปสู่พาร์ทเนอร์รายใหญ่ขึ้นได้ ธุรกิจค้าส่งยังคงเป็นธุรกิจหลักของ Biko และ Corinne ก็เคยร่วมงานกับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น Nordstrom, Simons และ Hudson’s Bay
อีกวิธีหนึ่งในการขยายธุรกิจคือการเปิดตลาดใหม่ สำรวจตัวเลือกการจัดส่งระหว่างประเทศเพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถขายได้ทั่วโลกหรือไม่ ลองขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับของคุณด้วยผลิตภัณฑ์และคอลเลกชั่นใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในประเทศที่กว้างขึ้นด้วยเช่นกัน
พร้อมแล้ว? เริ่มต้นขายเครื่องประดับออนไลน์เลย
การเสี่ยงโชคอาจฟังดูน่ากลัวในตอนแรก โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างเครื่องประดับ แต่ก็เป็นวงการนี้ก็เป็นวงการที่คุณค่อยๆ เข้าไปชิมลางทีละน้อยได้ นักออกแบบเครื่องประดับที่ประสบความสำเร็จหลายคนเปิดตัวแบรนด์ของตนเองเป็นงานเสริม หรือเปิดตัวธุรกิจของพวกเขาจากโต๊ะทำงานในบ้านของตัวเอง
การผลิตในสเกลเล็กหมายความว่าคุณสามารถออกแบบได้จากที่บ้าน สิ่งที่คุณต้องการมีเพียงความเฉพาะตัว แบรนด์ และแผนธุรกิจพื้นฐาน วงการนี้ยังมีพื้นที่ให้นักออกแบบหน้าใหม่ได้ก้าวเข้ามาสร้างชื่อ “วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณโดดเด่นคือการเป็นตัวของตัวเอง เชื่อสัญชาตญาณการออกแบบของคุณ และรับฟังลูกค้าของคุณเอง” จิลเลียนกล่าว ลุยเลย!
ภาพประกอบโดย Pete Ryan
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นธุรกิจเครื่องประดับ
จะเริ่มธุรกิจเครื่องประดับออนไลน์ได้อย่างไร
หากต้องการเริ่มธุรกิจเครื่องประดับออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้
ศึกษาคู่มือฉบับสมบูรณ์ของ Shopify เพื่อดูข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเริ่มต้นทำธุรกิจ
ต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจเพื่อขายเครื่องประดับออนไลน์หรือไม่
สิ่งสำคัญคือต้องศึกษากฎระเบียบที่ควบคุมธุรกิจขนาดเล็กทุกประเภท อย่างไรก็ตาม ในหลายกรณี คุณไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจเพื่อตั้งร้านเครื่องประดับออนไลน์ ในบางพื้นที่คุณอาจต้องมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี แต่ก็อาจขึ้นอยู่กับรายได้ที่คุณสร้างได้ด้วย คุณควรปรึกษานักบัญชีและ/หรือทนายความด้านธุรกิจในระหว่างขั้นตอนการจัดตั้งธุรกิจ อย่าลืมถามเกี่ยวกับประกันธุรกิจและข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นๆ ด้วย
เครื่องมือพื้นฐานสำหรับธุรกิจการทำเครื่องประดับมีอะไรบ้าง
ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องประดับที่คุณวางแผนจะผลิต ในกรณีที่คุณใช้แนวทางบริการพิมพ์ตามสั่ง คุณสามารถเริ่มต้นบริษัททำเครื่องประดับได้โดยแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้า หรือมีอุปกรณ์ใดๆ เครื่องประดับแฟชั่นส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องของการนำส่วนประกอบที่มีอยู่แล้วมาประกอบเข้าด้วยกันโดยใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น คีม อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณวางแผนที่จะผลิตไฟน์จิวเวลรี คุณอาจต้องการอุปกรณ์ที่มีราคาแพงและเป็นเครื่องมือเฉพาะทาง
การเริ่มต้นธุรกิจเครื่องประดับต้องใช้เงินเท่าไร?
ต้นทุนในการเริ่มต้นธุรกิจเครื่องประดับนั้นขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของรูปแบบการผลิตที่คุณเลือก คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงิน 5,000 บาท เพื่อซื้ออุปกรณ์พื้นฐานและทำเครื่องประดับจากโต๊ะกินข้าวของคุณ หรือคุณสามารถลงทุนหลักหมื่อนหลักแสนเพื่อการซื้ออุปกรณ์และวัสดุราคาสูง และเริ่มต้นธุรกิจทำไฟน์จิวเวลรีจากสตูดิโอเฉพาะทาง ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความเข้าใจว่าคุณต้องมีทุนเท่าไหร่ในเบื้องต้น และมีภาพรวมกระแสเงินสดที่ชัดเจน